กรุงเทพฯ 12 ต.ค.-“ศุภชัย” ชี้ไทยกล้าเปิดเมือง หลังฉีดวัคซีนได้ตามเป้า ถือเป็นผลงานของทีมวัคซีนไทยแลนด์ สร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยก้าวต่อไป
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังจะคลายล็อกให้ภาคการท่องเที่ยวขยับครั้งใหญ่ ซึ่งการตัดสินใจครั้งสำคัญมาจากการประเมินสถานการณ์จริง โดยเฉพาะหัวใจของเรื่องนี้ คือ การบริหารวัคซีน ซึ่งประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข ที่มีรัฐมนตรีชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ความมั่นใจตรงนี้ ผมรับรู้ได้จากหลายคน ที่พูดตรงกันว่า สถานการณ์วัคซีนของไทยนั้น ดีขึ้นมาก ๆ และอยู่ในจุดที่มีเสถียรภาพแล้ว เราวางแผนไว้ว่า จะฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดสในปีนี้ เพื่อให้คนไทย 70% ได้รับวัคซีน ซึ่งจะสร้างภูมิคุ้มกันระดับป้องกันป่วยหนัก ไปจนถึงป้องกันเสียชีวิตได้ดีมาก ๆ แผนการดังกล่าวเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการเร่งจัดหาวัคซีน ไปจนถึงเร่งให้บริการ การจะรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ และ 1 ธันวาคมจะให้ดื่มในร้านได้ ถึงวันนั้น น่าจะประเมินแล้วว่า สามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว” นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยบรรลุสัญญาการจัดหาวัคซีน ที่จะส่งมอบในปี 2564 อยู่ที่มากกว่า 150 ล้านโดส ทั้งวัคซีนจากการซื้อ และวัคซีนที่ได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศ และในปี 2565 ได้บรรลุสัญญาซื้อวัคซีนกับแอสตร้าเซเนก้า เพิ่มเติมมาอีก 60 ล้านโดส เท่ากับตามสัญญา ไทยมีวัคซีนอยู่ในมือแล้วกว่า 200 ล้านโดส และที่สำคัญ ไทยได้รับวัคซีนเข้าสู่ระบบบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนกันยายนที่ผ่านมามีวัคซีนเข้ามาในระบบการให้บริการประมาณ 16 ล้านโดส ขณะที่ในเดือนตุลาคมจนถึงเดือนธันวา จะมีวัคซีนเข้ามาในระบบเดือนละกว่า 20 ล้านโดส
“บางคนเริ่มสงสัยว่า เราอาจจะฉีดไม่ทันเสียด้วยซ้ำ ซึ่งข้อสงสัยตรงนี้ ก็น่าจะเคลียร์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา เราสามารถเร่งฉีดให้ได้ถึง 1 ล้านโดสต่อวัน ปัจจุบันนี้ ท่านรัฐมนตรี มีนโยบายให้ รพ.สต. สามารถฉีดวัคซีนได้ จึงทำให้ศักยภาพการให้บริการสูงขึ้น ทั้งยังเป็นการทำงานเชิงรุกคือ ระบบบริการของไทย รองรับวัคซีนที่ทยอยเข้ามาได้อย่างแน่นอน และในสัปดาห์นี้ เราน่าจะฉีดได้ถึง 60 ล้านโดสแน่นอน และกว่าจะถึงวันที่ 1 เดือน 11 ก็น่าจะฉีดได้ถึง 70 ล้านโดส นับว่าเป็นยอดการฉีดที่สูงพอสมควร ถ้าเรามองภาพรวมทั้งหมด ต้องบอกว่า ระบบให้บริการวัคซีนของไทยนั้น ไม่ได้เป็นรองใครแล้ว ผ่านการปรับปรุง พัฒนา” นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวว่า จากวิกฤติที่ผ่านมา ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันอย่างสุดความสามารถ เรื่องวัคซีน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มีเบื้องหลังที่หยาดเหงื่อ ความทุ่มเท ความพยายามทั้งการวางแผนจัดหา และให้บริการ ดังนั้น อย่าแปลกใจ หากไทยจะมองถึงการคลายล็อกฟื้นเศรษฐกิจ เพราะผลงานของทีมวัคซีนไทยแลนด์ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยได้ก้าวต่อไป.-สำนักข่าวไทย