นายกฯ สั่งเร่งมาตรการทางการเงินช่วย SMEs – ผู้มีรายได้น้อย

ทำเนียบฯ 9 ต.ค.- โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สั่งเร่งมาตรการทางการเงินช่วย SMEs และผู้มีรายได้น้อย ออมสินลุย 5 มาตรการช่วยธุรกิจฝ่าโควิด-19 อนุมัติสินเชื่อกว่า 4 แสนล้าน คาดโมเมนตัมทางเศรษฐกิจของไทยจะกลับมาคึกคักตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ทำเนียบ วันนี้ ( 9 ต.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามผลการดำเนินงานมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ รายย่อยและประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไควิด-19 จากที่ได้ให้สถาบันทางการเงินของรัฐ ออกมาตรการสินเชื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ เพื่อรักษาการจ้างงาน บรรเทาภาระหนี้สินประชาชน ซึ่งผลการดำเนินการมาตรการเป็นไปอย่างน่าพึงพอใจ โดยธนาคารออมสิน ได้รายงานผลการดำเนินมาตรการฯ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการภายใต้ 5 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1. มาตรการเติมเม็ดเงิน เสริมสภาพคล่อง 2. มาตรการพักชำระหนี้ และชะลอการดำเนินการทางกฎหมาย 3. มาตรการสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินในระบบที่มีต้นทุนต่ำลงและเป็นธรรม 4. มาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า 5. มาตรการฟื้นฟู-สร้างงานสร้างอาชีพ


โดยมาตรการเติมเม็ดเงิน เสริมสภาพคล่อง ได้แก่ การออกสินเชื่อประชาชนรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย อาทิ สินเชื่อเสริมพลังฐานราก สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 สินเชื่อผู้มีรายได้อิสระ สินเชื่อผู้มีรายได้ประจำ สินเชื่อบ้านและรีไฟแนนซ์ การออกสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs เน้นช่วยเหลือกิจการร้านอาหาร โรงแรม และผู้ประกอบการท่องเที่ยว อาทิ Soft Loan เพื่อ SMEs ท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องสินเชื่อ “อิ่มใจ” สำหรับธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม สินเชื่อ SMEs “มีที่ มีเงิน” สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร ธุรกิจบันเทิง ขนส่งค้าปลีก ฯลฯ

นายธนกร กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2563 – 2564 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วจำนวน 438,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อโครงการพิเศษเพื่อช่วยเหลือ เยียวยาจากเหตุโควิด-19 จำนวน 213,000 ล้านบาท มีผู้ได้รับสินเชื่อ รวมทั้งสิ้น 4.1 ล้านราย โดย 3.3 ล้านรายเป็นลูกค้าสินเชื่อโครงการพิเศษเพื่อช่วยเหลือเยียวยา ลูกค้ารายย่อย และผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ช่วยให้ประชาชนจำนวนกว่า 2.5 ล้านราย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ จากเดิมที่คนกลุ่มนี้ไม่สามารถใช้สินเชื่อสถาบันการเงินได้ เนื่องจากไม่เคยมีเครดิตประวัติทางการเงิน หรือมีประวัติแต่มีเครดิตต่ำกว่าเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อโดยปกติทั่วไป
2.มาตรการพักชำระหนี้ และชะลอการดำเนินการทางกฎหมาย สำหรับลูกหนี้กลุ่มต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา ได้แก่ ลูกค้ารายย่อย ให้พักเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 6 เดือน ธุรกิจ SMEs ที่ถูกปิดกิจการตามมาตรการฯ ให้พักเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 2 เดือน ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ให้พักเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 6 เดือน ธุรกิจ SMEs อื่นๆ ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้พักเงินต้น สูงสุด 12 เดือน ป้องกันไม่ให้ลูกหนี้จำนวน 3.4 ล้านราย กลายเป็น NPLs รวมวงเงินหนี้ จำนวน 1.5 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ยังชะลอการดำเนินการทางกฎหมายลูกหนี้ที่เป็น NPLs แล้วเนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 จนถึงสิ้นปี 2564 เพื่อช่วยลดภาระความกังวลเรื่องคดีความ ผ่อนปรนภาระหนี้ให้ลูกหนี้ทุกรายโดยอัตโนมัติ และให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ผ่อนปรนตามศักยภาพตามความสามารถในการชำระของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม
3.มาตรการสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินในระบบที่มีต้นทุนต่ำลงและเป็นธรรม อาทิ การเข้าทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและผู้มีรายได้น้อย สามารถลดโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยตลาดสินเชื่อกลุ่มนี้จาก 24-28% ลงมาอยู่ที่ 16-18% สร้างโอกาสลดภาระการผ่อนชำระของผู้ที่ใช้สินเชื่อประเภทนี้อยู่แล้ว จำนวนกว่า 3.5 ล้านราย ให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัวมากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน เพื่อช่วยเหลือให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ขาดรายได้โดยพิจารณาจากที่ดินซึ่งเป็นหลักประกัน (Collateral Based) ทั้งที่เป็นสินเชื่อใหม่ และที่กู้เพื่อนำไปไถ่ถอน การขายฝากที่คิดดอกเบี้ยสูง และสัญญาไม่เป็นธรรม ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้เป็นเม็ดเงินรวม 16,147 ล้านบาท
4.มาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า อาทิ การจัดทำโครงการออมสินห่วงใยส่งกำลังใจให้สังคม เช่น การจัดตั้งศูนย์พักคอย กทม. การตั้งทีมไรเดอร์ออมสินช่วย สปสช. ส่งยาแก่ผู้ป่วย การบริจาคทรัพย์สินให้ใช้เป็นสถานที่กักตัว รวมถึงการเปิด facebook เพจ “ออมสินห่วงใย” รับเรื่องช่วยเหลือประชาชน
5.มาตรการฟื้นฟู-สร้างงานสร้างอาชีพ จัดทำโครงการเสริมทักษะงานช่าง และการอบรมวิชาชีพต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ตกงาน ถูกเลิกจ้าง อาทิ โครงการออมสินอาชีวะ สร้างอาชีพสู่ชุมชน โครงการครัวชุมชนสาหรับออมสิน โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น


ทั้งนี้มาตรการของธนาคารออมสิน 5 มาตรการ เป็นมาตรการด้านการเงินตามการผลักดันของนายกรัฐมนตรรที่ต้องการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ เป็นรัฐกลไกในการเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ เพื่อรักษาการจ้างงาน ประคับประคองกิจการให้เดินหน้าต่อไป คาดการณ์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมาเพิ่มเติม จะยิ่งส่งให้โมเม้นตัมทางเศรษฐกิจของไทยกลับมาคึกคักตั้งแต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จนถึงต้นปีหน้าด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”