ให้ความสำคัญกับคดีทุจริต


สำนักงาน ป.ป.ช.17 ก.ย.- ประธานศาลฎีกา  ชี้ กระบวนการยุติธรรม ทุกหน่วยงานเน้น ถูกต้อง-เป็นธรรม-แม่นยำ-รวดเร็ว-โปร่งใสตรวจสอบได้ ชี้ต้องทำให้คนผิดได้รับผลจากการทุจริตโดยเร็ว แนะให้ความสำคัญการพิจารณาคดีโกงลำดับแรก

นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา  บรรยายพิเศษเรื่อง “บทบาทของกระบวนการยุติธรรมกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตของประเทศไทย”   ในเวทีสัมมนาสาธารณะ เรื่อง “กลยุทธ์การยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศ”   ซึ่งจัดขึ้นโดยนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปรับปรามการทุจริตระดับสูง   (นยปส.)  รุ่นที่ 12 ในตอนหนึ่ง ว่าช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เราคาดหมายกันว่าการทุจริตในประเทศไทยน่าจะลดลงบ้าง เพราะมีการป้องกันและปราบปราม ส่งดำเนินคดี และศาลพิพากษาไปแล้วจำนวนมาก แต่จากปริมาณคดีที่อยู่ในศาล ป.ป.ช.  ป.ป.ท. เราอาจต้องยอมรับความจริงว่าเราอาจจะยังไปไม่ถึงเป้าประสงค์นั้นในเร็ววันนี้  แต่ตนเชื่อว่าเรามาถูกทางแล้ว ไม่ผิดหรอกที่คนจะกระทำผิดมากขึ้นในสภาพสังคมที่ต้องต่อสู้กับการปากกัดตีนถีบอย่างที่เห็นทุกวันนี้ เพราะไม่มีใครอยากจะอยู่ในพื้น หรือฐานของคนอื่น แต่อยากจะอยู่ระดับที่สูงกว่าและมีอำนาจเหนือกว่าทั้งสิ้น


นางเมทินี  กล่าวว่า ตนเคยคุยกับผู้ต้องขังหลายรายที่กระทำผิดไป ทั้งที่เขารู้ว่าการกระทำของเขาถ้าถูกจับกุมดำเนินคดีอาจถูกจำคุกหรือหนักกว่านั้น  แต่คนกลุ่มนี้ยังเลือกกระทำทุจริตประพฤติมิชอบ  เมื่อสอบถามได้รับคำตอบว่าขณะที่เขาทำไม่คิดว่าจะโดนจับ หรือพูดง่ายๆ ขณะตัดสินใจกระทำผิดเขาคิดว่ามีโอกาสรอด  จากการที่เห็นหลายๆ คน หลายๆ กลุ่มที่ก็ยังสามารถรอด ลอยหน้าในสังคมได้ เป็นสิ่งกระบวนการยุติธรรมต้องกลับมามองตัวเองว่าในฐานะที่เราเป็นปลายทางของการแก้ไขปัญหาการกระทำความผิด  เมื่อคนคิดว่าเขาทำความผิดแล้วจะรอด  สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีปัญหาแล้ว กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถทำให้เขาเชื่อมั่นหรือทำให้เขาเกรงกลัว  ว่าเมื่อไหร่ที่เขาขยับไปทำความผิดเขาจะต้องถูกจับกุมไปดำเนินคดี เมื่อคนคิดว่าเขาคุ้มค่าที่จะเสี่ยง

นางเมทินี  กล่าวว่า การกระทำการทุจริตยังเป็นเรื่องการก่ออาชญากรรมที่มีความร้ายแรง แต่ไม่เห็นสภาพของความรุนแรงเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา  ไม่เห็นคนที่เลือดตกยางออก  ไม่เห็นการบาดเจ็บ ไม่เห็นสายตาของการถูกทำร้ายเหมือนความผิดฆ่าคนตาย  เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วคนก็รู้สึกว่าทำได้ง่าย  ไม่ต้องกระทบกระเทือนความรู้สึก คนกระทำความผิดทุจริตไม่ได้เห็นผลที่เกิดขึ้นด้วยตาตนเอง  และเขาจะคิดว่าเป็นประโยชน์กับตัวเขาเองเลยกล้าที่จะทำ ความผิดในลักษณะนี้จับก็ยาก เพราะเป็นการสมประโยชน์กัน คนให้ก็ยินดีให้  เพราะสิ่งที่ให้ไปคุ้มค่าที่จะเสีย คนรับก็คิดว่าเป็นโอกาสของตัวเองที่จะรับ  ดังนั้น กระบวนการยุติธรรมจะยอมรับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้

 “เราเคยได้ยินกันว่า  คนทำชั่วจะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นเรื่องที่ดี  จนกว่าความชั่วนั้นจะให้ผล  กระบวนการยุติธรรมจึงต้องสงเคราะห์ให้เขาได้เห็นผลเร็วๆ ดิฉันคิดว่าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทุกหน่วย   ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวน ป.ป.ช.   ป.ป.ท. อัยการ ศาล รวมไปถึงหน่วยงานที่รองรับคนผิดอย่างกรมราชทัณฑ์นั้น  จะต้องปรับบทบาทของตนเองในการทำหน้าที่ โดยเน้นให้เห็นความสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความถูกต้อง เป็นธรรม แม่นยำ รวดเร็ว และโปร่งใส่ ตรวจสอบได้”  นางเมทินี กล่าว


นางเมทินี กล่าวว่า เรื่องความรวดเร็วถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม   แม้ศาลและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทุกส่วนจะพยายามกำหนดมาตรฐานระยะเวลาเพื่อให้มีการพิจารณาคดีที่มีความผิดทางอาญาให้เสร็จในเวลารวดเร็ว แต่ด้วยปริมาณ หรือเหตุจำเป็น   รวมไปถึงสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ ก็ทำให้กระบวนในการพิจารณา พิพากษาคดีอาจมีความล่าช้าไปบ้าง  แต่เราจำเป็นต้องเน้นย้ำให้ความสำคัญกับคดีทุจริตเป็นเรื่องแรกๆ เรื่องต้นๆ  เพราะการกระทำผิดที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน   สมมุติว่า 4-5ปีที่จะลงโทษได้จนกระทั่งถึงในชั้นคำพิพากษาถึงที่สุด  ทำให้คนไม่เกรงกลัวแล้ว เพราะลืมเรื่องราวนั้นไปแล้ว  ในขณะที่เกิดเรื่องใหม่ๆ เป็นเรื่องอยู่บนหน้าสื่อทุกฉบับ ทุกช่อง เป็นเรื่องที่ดูร้ายแรง  แต่กว่าจะที่จะผ่านเข้าสู่กระบวนการศาลพิพากษาลงโทษ ใช้เวลานานจนคนลืมเรื่องราว  ลืมความร้ายแรงและรุนแรง คนจึงขาดความยับยั้งชั่งใจที่จะเกรงกลัวความผิดที่จะได้รับ ดังนั้น ความรวดเร็ว ฉับพลันในสถานการณ์หรือในคดีบางประเภทมีความจำเป็น และจะส่งผลทำให้แก้ไขปัญหาที่จะเกิดการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนั้นได้ด้วย  

นางเมทินี ยังกล่าวว่า เรื่องความโปร่งใสตรวจสอบได้  แน่นอนว่าเราทำหน้าที่ในการค้นหาความจริงว่ามีการกระทำความผิดจริง  คนที่ถูกกล่าวหาหรือจำเลยคนนั้นเป็นผู้กระทำความผิด ดังนั้นคนที่จะเป็นคนทำหน้าที่ค้นหาความจริง  พิสูจน์ความผิด จะต้องไม่ทุจริตเสียเอง นอกจากนี้ ยังต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ด้วยว่าเราจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม อีกส่วนที่สำคัญคือ การคัดเลือกคนเข้ามาทำงานในองค์กรตั้งแต่ต้นทางเป็นเรื่องความสำคัญ ไม่ใช่เพียงความรู้ความสามารถ แต่ต้องมีทัศนคติที่ดี ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาได้ และตลอดระยะเวลาของการทำงานซึ่งจะจะยาวนานสำหรับข้าราชการในแต่ละส่วนงาน ต้องมีการตรวจสอบการทำงานสม่ำเสมอ ไม่ใช่เพื่อการจับผิด แต่เพื่อดูคนของเราที่จะไปทำสิ่งที่มีความสำคัญ เราจะไปตรวจสอบคนอื่น ตัวเราเองต้องสุจริตเสียก่อน และต้องทำให้เห็นว่าเราสุจริตจริง เชื่อว่าทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกัน เราไม่มีทางทำให้ทุกคนเป็นคนดี และไม่ต้องอายที่มีคนไม่ดีอยู่ในองค์กร แต่เราจะอายถ้าปล่อยให้คนไม่ดีอยู่ในองค์กรของเรามากกว่า .-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย