กสม. 8 ก.ย. – กสม.หนุนรัฐสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและบังคับสูญหายตามหลักการสากล เสนอมาตรการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกควบคุมตัว-วางกลไกตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้กระทำผิด
น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ สม 0006/74 ลงวันที่ 7 กันยายน 2564 แจ้งข้อเสนอแนะต่อร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ไปยังประธานรัฐสภา โดย กสม.ได้ประมวลข้อคิดเห็นประกอบกับหลักสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดย กสม. มีข้อเสนอว่า หลักการสำคัญของกฎหมาย ควรกำหนดให้มีบทบัญญัติที่แสดงสิทธิเด็ดขาดอันไม่อาจถูกเพิกถอนได้ว่า บุคคลจะไม่ถูกกระทำทรมานหรือถูกกระทำให้สูญหาย ไม่ว่าสถานการณ์พิเศษใด ๆ และให้รวมถึงการกระทำหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กำหนดให้มีมาตรการป้องกันการทรมานหรือการถูกกระทำให้บุคคลสูญหาย นอกจากนี้ ควรกำหนดให้มีการคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกควบคุมตัว เช่น สิทธิในการติดต่อกับญาติ สิทธิการมีทนายเข้าร่วมสอบปากคำหรือซักถาม รวมทั้งกำหนดให้มีการชดเชยเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจแก่ผู้ถูกกระทำทรมานหรือถูกทำให้สูญหายอย่างเต็มที่
สำหรับการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น น.ส.พรประไพ กล่าวว่า ควรกำหนดให้มีการบันทึกภาพและเสียงที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา ในการจับกุม การควบคุมตัว การสอบสวน สถานที่กักขัง หรือสถานที่ควบคุมตัว และมีระบบจัดเก็บข้อมูลที่เพียงพอต่อการตรวจสอบย้อนหลัง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย นอกจากนี้ ควรกำหนดให้การจับ ขัง หรือค้นโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องได้รับการรับรองจากพนักงานอัยการ และควรกำหนดให้พนักงานอัยการเข้าไปมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตั้งแต่ขั้นตอนการควบคุมตัว
น.ส.พรประไพ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการดำเนินคดีในชั้นศาล ห้ามมิให้รับฟังพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้มาจากการทรมานหรือการถูกกระทำให้บุคคลสูญหาย เพื่อเป็นการยืนยันและแสดงให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การได้มาซึ่งพยานหลักฐานจากการทรมานหรือการถูกกระทำให้บุคคลสูญหายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะอ้างเหตุความมั่นคงของชาติ เพื่อการปราบปรามยาเสพติด เพื่อการคลี่คลายอาชญากรรมร้ายแรง หรือเพื่อการอื่นใดนั้น ไม่อาจกระทำได้ในทุกกรณี
นอกจากนี้ ควรกำหนดให้การกระทำทรมาน หรือการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องถูกพิจารณาโดยศาลอาญาหรือศาลยุติธรรมที่มีอำนาจพิจารณาคดีในทุกกรณี และกำหนดให้ความผิดฐานกระทำทรมาน และฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย เป็นคดีที่ไม่มีอายุความ พร้อมทั้งเห็นว่า คณะกรรมการที่ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย ต้องมิใช่บุคคลในหน่วยงานเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกร้องเรียน และควรกำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการฯ แต่งตั้งมาจากผู้แทนของผู้เสียหายคดีการทรมานและคดีการกระทำให้บุคคลสูญหายด้วย.-สำนักข่าวไทย