ศบค.เตือนคลายล็อกดาวน์หากคุมไม่ดี อาจติดเชื้อแตะ 3 หมื่นราย

ทำเนียบ 6 ก.ย. – ศบค. เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 13,988 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 17,284 ราย กำลังรักษาอยู่ 148,622 ราย เสียชีวิต 187 ราย อายุน้อยสุด 13 ปี มีโรคประจำตัว เตือนคลายล็อกดาวน์หากคุมไม่ดี ต้นเดือน ต.ค. อาจติดเชื้อ 3 หมื่นรายต่อวัน

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,988 ราย โดยแบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 13,544 ราย ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 11,561 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1,966 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 444 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 17 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 1,294,522 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 17,284 ราย สะสม 1,132,858 ราย กำลังรักษาอยู่ 148,622 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 44,954 ราย และโรงพยาบาลสนาม 103,668 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 4,601 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,013 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 187 ราย รวมเสียชีวิต 13,042 คน


ขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 64 เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อแล้ว 1,265,659 ราย หายป่วยสะสม 1,105,432 ราย เสียชีวิตสะสม 12,948 ราย ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 5 กันยายน 2564 มีผู้รับวัคซีนสะสมทั้งหมด จำนวน 35,912,894 โดส วันที่ 5 กันยายน 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 129,317 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 195,241 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 660 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงแบบจำลองคาดการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ว่า จากการล็อกดาวน์ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ได้รับความร่วมมือ สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ระดับหนึ่ง เป็นผลจากมาตรการเข้มข้นที่ได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจและผู้ประกอบ และประชาชน แต่ ศบค.มีการปรับมาตรการ จึงเห็นบรรยากาศที่ประชาชนเข้าห้างสรรพสินค้าไปซื้อของ จึงขอฝากให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี การ์ดอย่าตก เพราะหากคุมสถานการณ์ไม่ดีอาจเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นในเดือน ต.ค. วันละ 3 หมื่นรายได้


“ตามการคาดการณ์ จะมีแรงเฉื่อยปลายเดือนนี้ และต้นเดือนตุลาคม เส้นเหล่านี้จะพุ่งขึ้น หมายถึงว่าจะมีคนไข้ที่ป่วยมากขึ้นกว่านี้อีก ตรงนี้แหละครับน่ากลัว ถ้าคุมไม่ดีจะไปแตะที่ 3 หมื่นรายต่อวันได้เช่นเดียวกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 187 ราย ชาย 101 ราย หญิง 86 ราย เป็นชาวไทย 181 ราย เมียนมา 4 ราย จีน 1 ราย อเมริกัน 1 อายุค่ากลาง 70 ปี อายุน้อยสุด 13 ปี อายุมากสุด 95 ปี แบ่งเป็น กทม. 24 ราย ชลบุรี 20 ราย สมุทรสาคร 17 ราย ปทุมธานี 16 ราย พระนครศรีอยุธยา 12 ราย นครปฐม อ่างทอง จังหวัดละ 11 ราย สระบุรี 13 ราย สระบุรี 10 ราย สมุทรปราการ สุพรรณบุรี จังหวัดละ 5 ราย นนทบุรี ปัตตานี สงขลา ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 4 ราย ชัยภูมิ ตาก ระนอง ลพบุรี สมุทรสงคราม 3 ราย เชียงราย นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี จังหวัดละ 2 ราย มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา พิษณุโลก สตูล พัทลุง ยะลา ตรัง ราชบุรี ระยอง นครนายก ตราด เพชรบุรี จังหวัดละ 1 ราย โรคประจำตัวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง พบผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป 131 ราย อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 41 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 14 ราย เด็กอายุ 13 ปี จ.ตาก มีโรคประจำตัว เสียชีวิตที่บ้าน 1 ราย จ.ระยอง ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อจากคนรู้จัก คนในครอบครัว

ส่วนแบบจำลองจากกระทรวงสาธารณสุข ที่คาดการณ์ผู้เสียชีวิตกับตัวเลขคาดการณ์จากมาตรการล็อกดาวน์ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเสียชีวิตประมาณ ต.ค. พุ่งขึ้นอีก แต่ไม่สูงเท่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นผลจากการเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ และฉีดวัคซีนให้กับ 8 กลุ่มโรค


สำหรับ 10 อันดับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ วันที่ 6 ก.ย. 2564 คือ 1.กรุงเทพมหานคร 3,610 ราย 2.สมุทรปราการ 868 ราย 3.สมุทรสาคร 711 ราย 4.ชลบุรี 703 ราย 5.เพชรบูรณ์ 488 ราย 6.ระยอง 464 ราย 7.นนทบุรี 300 ราย 8.พระนครศรีอยุธยา 294 ราย 9.นครราชสีมา 278 ราย 10.ราชบุรี 267 ราย ขณะที่ผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3,610 ราย ที่อยู่ขณะป่วยอยู่ในกทม. 3,169 ราย ที่อยู่ขณะป่วยอยู่ต่างจังหวัดเข้ารักษาโรงพยาบาลในกทม. 441 ราย มี 10 อันดับเขต ที่พบผู้ป่วยสูงสุด ดังนี้ 1.หลักสี่ 135 ราย 2.จอมทอง 132 ราย 3.บางกะปิ 125 ราย 4.บางขุนเทียน 101 ราย 5.บางคอแหลม 101 ราย 6.หนองแขม 96 ราย 7.ประเวศ 92 ราย 8.บางบอน 90 ราย 9.ธนบุรี 89 ราย 10.บางแค 89 ราย

ขณะที่สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก วันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 221,542,850 ราย อาการรุนแรง 105,498 ราย รักษาหายแล้ว 198,036,657 ราย เสียชีวิต 4,581,744 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 40,805,259 ราย 2.อินเดีย จำนวน 33,027,136 ราย 3.บราซิล จำนวน 20,890,779 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 7,012,599 ราย 5.สหราชอาณาจักร 󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿จำนวน 6,978,126 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 29 จำนวน 1,294,522 ราย

นพ.วีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก็จะมีการดูตัวเลขต่างๆ ในรอบ 14 วันที่ผ่านมานำมาประกอบด้วย

“ผมก็อยากจะฝากทุกท่านว่า วันนี้เรากินบุญเก่าของ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และถ้าวันนี้เราจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมีผลไปอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้กิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ที่สื่อบอกว่าเป็นการผ่อนคลาย แต่ผมก็อยากบอกว่าเป็นการปรับมาตรการ ขอให้ท่านการ์ดอย่าตก ซึ่งมีคำขยายความไม่ว่าจะเป็น universal prevention เรื่องของบับเบิลแอนด์ซีล อะไรทั้งหลายแหล่ มีศัพท์ต่าง ๆ มากมาย แต่ที่สุดแล้วถ้าท่านทุกคนมีสุขอนามัยอย่างดี ดูแลตัวเอง ซึ่งเราไม่อยากให้กราฟสีเขียวพุ่งขึ้นมาและทำให้เกิดติดเชื้อวันละ 3 หมื่นคนอีก” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้าย และว่าขณะนี้ทฤษฎีด้านการแพทย์ที่จะกำจัดโรคนี้ไปเป็นศูนย์ ไม่ได้หวังอย่างนั้นแล้ว ว่าจะกำจัดโควิด-19 ไปได้ ซึ่งก็จะเหมือนกับวัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ที่จะต้องอยู่คู่กับโลกนี้ โควิด-19 ก็เช่นเดียวกัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]