รัฐสภา 2 ก.ย.-พล.อ.ชัยชาญ แจงรายละเอียด ซื้อเรือบิน-ซ่อมรถยนต์-จีทูจีเรือดำน้ำ ไม่มีส่วนต่าง ขณะที่กองทัพเรือ เสียภาษีตามแนวทาง ก.คลัง
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านต่อพฤติกรรมที่ส่อความไม่โปร่งใสต่อการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยยืนยันต่อการจัดหาเครื่องบินเอนกประสงค์ที่ใช้หลากหลายภารกิจ มูลค่า 1,272 ล้านบาท ไม่มีส่วนต่าง เพราะกรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติคือวงเงินจำนวนเท่ากัน ขณะที่โครงการซ่อมรถยนต์ M35 กองทัพบกพิจารณาแล้วเห็นว่ารถที่มี 2,600 คัน นั้นชำรุด 1,000 คัน แม้เดิมจะจัดหา แต่ต้องมีระยะเวลาดำเนินการเพราะต้องคัดเลือกแบบ แต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่เอื้ออำนวย จึงปรับปรุงรถที่มีอยู่เพื่อให้ใช้งานได้ 10 ปี ทั้งนี้การปรับปรุงได้มอบหมายให้หน่วยสรรพาวุธดำเนินการ คันละ 2 ล้านบาท
“ที่ผ่านมากองทัพจัดทำรถต้นแบบมาตรฐาน 100 คัน และกรรมการกองทัพบกทดลองใช้ในภูมิประเทศต่างๆ สามารถใช้ได้ดี จึงมีแนวความคิดปรับปรุงเพื่อยืดอายุการใช้งาน โครงการเดิมคือจะจัดหาเพิ่มเติม 169 คัน แต่หากปรับปรุงจะทำได้ 259 คัน ส่วนรถ Unimog นั้น หากจัดซื้อราคาปัจจุบันอยู่ที่ 8.2 ล้านบาท จึงคิดว่าหากปรับปรุง 201 คัน ทำให้ได้รถที่สามารถปฏิบัติการในภูมิประเทศที่ยากลำบากและตอบสนองได้มากกว่ารถที่ถูกยกมาเปรียบเทียบ ทั้งนี้การทำงาน นายกรัฐมนตรีกำชับให้กองทัพบกคำนึงถึงกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และทำให้มีประสิทธิภาพ” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงต่อการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ถูกยกสัญญาแบบรัฐต่อรัฐเปรียบเทียบว่า มีฉบับที่เสียภาษี กับไม่เสียภาษี ว่า โรงงานวัตถุระเบิดต้องเสียภาษีเช่นกัน ทั้งนี้การจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เป็นวิธีจัดซื้อจัดจ้าง มีรัฐเป็นคู่สัญญา และรับประกันความสำเร็จ อย่างไรก็ดีการจัดซื้อต้องเสียภาษีตามประมวลกฎหมายรัษฎากร โดยที่ผ่านมากองทัพเรือได้ปฏิบัติตามแนวทางที่กระทรวงการคลังมีหนังสือชี้แจงแนวทาง เมื่อ 28 ตุลาคม 2538 อย่างไรก็ดีบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศ กองทัพเรือได้หักภาษี 7% เพื่อส่งคืนคลัง.-สำนักข่าวไทย