รัฐสภา 2 ก.ย.-“พล.ต.อ.สุชาติ” แจง กมธ.กฏหมายแทน ผบ.ตร. ปมคดี “อดีต ผกก.โจ้” ย้ำไม่ช่วยเหลือผู้ต้องหา ด้าน “พล.ต.ต.เอกรักษ์” รับรู้จักแต่ไม่สนิท ส่วน ผอ.สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาการสอบสวน ระบุ ตร.แจ้งการตายเท็จกับหมอที่นครสวรรค์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานกรรมาธิการฯ ประชุมวาระสำคัญ คือ การพิจารณาศึกษาแนวนโยบายด้านกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่าทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยการใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะ เพื่อเรียกรับเงินจนผู้ต้องหาเสียชีวิต หรือ คดีอดีตผกก.โจ้
ที่ประชุมได้เชิญผู้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวร่วมประชุมเพื่อซักถามหลายประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม โดยมีพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รับมอบมาชี้แจงแทน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ นพ.ชนินทร์ จารุวัฒนมงคล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ตัวแทนสำนักงานศาลยุติธรรม ตัวแทนสภาทนายความ และนายรัชพล ศิริสาคร ตัวแทนนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ร่วมประชุม
นายสิระ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า แนวทางการพิจารณาวันนี้(2 ก.ย.) เป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจและเคลือบแคลงสงสัยว่าตำรวจจะให้ความช่วยเหลือผู้ก่อเหตุหรือไม่ โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมฟังและไลฟ์สดได้เพราะต้องการให้เห็นว่าทุกขั้นตอนโปร่งใส ตรวจสอบได้
“ส่วนกรณีพ.ต.อ.ธิติสรรค์อ้างว่ามีโรคบางอย่าง ที่อาจจะทำให้ความผิดลดน้อยลงหรือไม่ เบื้องต้นต้องพูดคุยกันก่อน ยืนยันว่าไม่ช่วยเหลือใด ๆ ในคดีนี้” นายสิระ กล่าว
จากนั้นเมื่อเริ่มการประชุม นายสิระ ได้สอบถามทางตำรวจว่าคดีดังกล่าว มีการช่วยเหลือผู้ต้องหาในระหว่างดำเนินการจับกุมหรือไม่ ซึ่งพล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยให้เจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับบัญชาเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนคดีนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม
“ผมลงพื้นที่เกิดเหตุพบว่าการกระทำของอดีตผกก.โจ้ มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่ากระทำผิดจริง 3 ข้อหาตามที่เป็นข่าว และหากผลการสอบพบการกระทำผิดเพิ่ม จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป หลังจากนั้นได้ควบคุมตัวผู้กระทำผิดทั้ง 7 รายมาดำเนินคดีนี้ไปแล้ว ยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย ไม่ได้ช่วยเหลือผู้กระทำผิด” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยพบกับอดีตผกก.โจ้มาก่อนบ้าง ยอมรับว่ารู้จักแต่ไม่ได้สนิท ขณะที่คืนวันก่อนที่อดีตผกก.โจ้จะมอบตัวได้โทรศัพท์มาหาเวลา 23.00 น. ซึ่งขณะนั้นจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้ว 4 ราย เหลืออีก 3 ราย หนึ่งในนั้นคือ อดีตผกก.โจ้ ซึ่งโทรมาพร้อมกับร้องไห้บอกว่า “อยากตาย เรื่องจะได้จบ” ตนจึงบอกไปว่า “ถ้าผกก.โจ้ตายไปแล้ว ตร.จะเหลืออะไร ตำรวจไทยจะเหลืออะไร อย่างน้อยต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ”
“ผกก.โจ้ บอกกลับมาว่า “งั้นพี่ต้องมารับ ที่ชลบุรี” จากนั้น ผมจึงรายงานไปที่ผู้บังคับบัญชาว่า ผกก.โจ้จะมอบตัว ต่อมาตอนเช้า ผมได้ขอชุดพิเศษ เอารถไป 4 คันตามในคลิป ออกจากภาค 6 เวลา 10.00 น. ถึงหน้าโรงพักแสนสุข 16.00 น. เมื่อเจอผกก.โจ้ที่ลงมาจากรถยนต์คันหนึ่ง สมาธิตนอยู่กับตัวผู้ต้องหา จึงไม่มีความจำเป็นที่จะไปจำทะเบียนรถที่มาส่งผกก.โจ้ และก็ไม่ได้วิ่งไปตามดูทะเบียนรถ ก่อนจะนำไปส่งกองปราบ ผมกับอดีตผกก.โจ้ไม่เคยมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน” พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว
จากนั้นในที่ประชุมยังได้ซักถามประเด็นต่าง ๆ อีกหลายประเด็น เช่น เรื่องการซ้อมผู้ต้องหาด้วยการเอาถุงดำมาครอบหัวจนถึงแก่ความตาย คดีความเรื่องยาเสพติดของผู้ต้องหาที่เสียชีวิต การจัดแถลงข่าวการจับกุมผกก.โจ้ รวมไปถึงกรณีใบรับรองสาเหตุการตายใบแรกที่ระบุว่าผู้ตายเสียชีวิตจากสารเสพติด เป็นต้น โดยบรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การซักถามและการชี้แจงไม่ได้โต้เถียงกัน
นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง ผอ.สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาการสอบสวนฯ และดำเนินคดี สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตามหลักกฏหมาย กรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน เมื่อได้ชันสูตรพลิกศพแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 กำหนดให้พนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการทันที แต่ตำรวจที่ทำคดีนี้ไม่ได้ดำเนินการทันที เมื่ออัยการลงไปทำคดี จึงสั่งให้ชันสูตรใหม่ทั้งหมด เพราะที่ทำมานั้น ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
“โชคดีที่แพทย์ทำรายงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แม้ว่าจะได้รับคำให้การเท็จมาจากตำรวจในตอนแรก และยังโชคดีที่แพทย์ได้ผ่าพิสูจน์ไว้อย่างละเอียด จึงสั่งให้ชันสูตรใหม่ ก็ได้ผลกลับมาสอดคล้องกับพยานหลักฐาน และกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ การที่อัยการและฝ่ายปกครองลงไป จะทำให้ทุกฝ่ายได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดร่วมกัน ใครจะบิดเบือนสิ่งต่าง ๆ ได้ยาก ช่วงนี้หากยังแจ้งข้อกล่าวหาไม่ครบถ้วน เป็นเพราะยังอยู่กระบวนการสอบสวน เชื่อว่าแพทย์ทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ตามการสอบสวนและหลักฐานที่มี” นายน้ำแท้ กล่าว.-สำนักข่าวไทย