รัฐสภา 2 ก.ย.- “จิราพร” ฟาดหนัก “นายกฯ-อนุทิน” จี้ โชว์หลักฐานโอนเงินซื้อวัคซีน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ เพื่ออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อเนื่องวันที่สาม มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการที่ประชุม น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เริ่มต้นอภิปรายทวงถามการนำเอกสารการโอนเงินค่าวัคซีน ทั้งหลักฐานการจ่ายเงิน ระหว่างกรมควบคุมโรค ไปยังองค์การเภสัชกรรม และหลักฐานการโอนเงิน ระหว่าง องค์การเภสัชกรรม ไปยังบริษัทซิโนแวค ทุกครั้งที่สั่งซื้อมาแสดงต่อสภาฯ อย่าใช้เพียงแค่หลักฐานเป็นใบสั่งซื้อ ย้ำว่า หลักฐานการโอนเงินเพื่อซื้อวัคซีนนั้น สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเอกสารของหน่วยงานรัฐในประเทศ ไม่ใช่สัญญาระหว่างประเทศ
น.ส.จิราพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ต้องนำเอกสารการโอนเงินต้องนำมาแสดง เพื่อยืนยันว่าไม่มีเงินทอน หรือ ค่าส่วนต่าง หากไม่นำมาแสดงต่อสภาฯ แสดงว่ามีเจตนา และหากทำไม่ได้ ต้องหยุดโกง นอกจากนั้น รัฐบาลต้องแสดงผลการติดตามผลงานวิจัย ซึ่งรัฐบาลใช้งบประมาณแผ่นดินสนับสนุนให้กับ 9 บริษัทมาแสดงต่อสภาฯ ด้วย
“สำหรับการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ตนไม่แน่ใจว่า นายกรัฐมนตรี เห็นคำว่า ATK เป็น ATM หรือบัตรกดเงินกันแน่ เพราะสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงต่อสภาฯ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ต่อประเด็น ATK นั้นคือการโกหกกลางสภาฯ และขอท้าให้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบกับคำพูดของตนเอง เพราะดิฉันมีเอกสารเป็นสรุปรายงานการประชุมของศบค. เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พบข้อสั่งการข้อ6 ระบุว่า การจัดหาชุดตรวจ ATK ต้องผ่านการรับรองจากอย. และได้การรับรองจากองค์กรอนามัยโลก และเร่งจัดหาให้ทัน พร้อมต้องส่งมอบให้ทันตามกำหนด ดังนั้นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนข้อสั่งการของตนเองถือว่าเป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง รวมถึงสะท้อนว่าข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีนั้นคือ วาทะกรรม ไร้น้ำยา” น.ส.จิราพร กล่าว
น.ส.จิราพร อภิปรายว่า ข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ มีมากกว่า 200 ฉบับ แต่แม้สั่งการแล้ว การทำงานยังล้มเหลว เศรษฐกิจพังพินาศ ส่อเข้าสู่รัฐล้มเหลว ทั้งนี้เมื่อพฤศจิกายน 2563 มีหนังสือจากกระทรวงสาธารณสุขประเมินความเสียหายจากวิกฤตโควิด อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท นี่คือใบเสร็จแสดงความเสียหายที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบ
“ขอให้ท่านเอาเงินเดือน 3 เดือนที่ประกาศไม่รับคืนไป และขอให้หายไปจากประเทศไทย 3 เดือน เพื่อให้รู้ว่าการหายไปนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศและประชาชน ยุคนี้ถือว่าสัปเหร่อทำงานหนักยิ่งกว่านายกรัฐมนตรีที่ทำงานที่บ้าน ทำงานปิดทองหลังพระ ทั้งนี้ตนขอไว้อาลัยให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากความล้มเหลวของรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาโควิด ทั้งนี้คนที่ตายไม่ใช่จากโรคระบาด แต่คือ การตายจากความโง่ของผู้นำ” น.ส.จิราพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย