กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณี ส.ส.ก้าวไกล เปิดปฏิบัติการไอโอกลางสภาฯ เป็นเอกสารอันเป็นเท็จที่มีการปลอมแปลง ทั้งรูปแบบไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ รวมทั้งการลงลายมือชื่อไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา แล้ว
พล.ต.สวราชย์ แสงผล โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีผู้อภิปราย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยนำเสนอข้อมูลเรื่อง “ปฏิบัติการ IO ของกองทัพบก” โดยนายณัฐชา ได้เปิดเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการ IO โดยกล่าวอ้างว่าใช้เอกสารของกองทัพภาคที่ 2 เป็นหลักฐานประกอบการอภิปราย กองทัพภาคที่ 2 ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
1. กรณีการนำเอกสารมาประกอบการอภิปราย จากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นพบว่า ไม่ใช่เอกสารจริง โดยพบจุดพิรุธดังนี้
1) หนังสือที่นำมาแสดงเป็นหนังสือที่ทำขึ้นในห้วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม 2564 ลายมือชื่อของแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านปัจจุบันในหนังสือทั้ง 2 ฉบับ ไม่ตรงกับลายมือชื่อจริง
2) นามสกุลของแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านปัจจุบันในหนังสือฉบับหนึ่งพิมพ์ไม่ถูกต้อง
3) ลายมือชื่อของรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ตรงกับลายมือชื่อจริง
4) มีลายมือชื่อของผู้อำนวยการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 ที่ลงนามในหนังสือฉบับนั้น ซึ่งปัจจุบันท่านดังกล่าวได้ปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งใหม่แล้วเป็นเวลากว่า 2 ปีเศษ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 และนามสกุลสะกดไม่ถูกต้อง
5) กำลังพลที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าไม่เคยมีการจัดทำหนังสือดังกล่าว โดยเมื่อตรวจสอบการออกเลขที่หนังสือแล้วเป็นของกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเลขหนังสือที่ออกจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 มีเลขหนังสือถึงแค่ลำดับที่ 851 ยังไม่ถึงลำดับที่ 1121 ตามเอกสารที่ผู้อภิปรายนำมาแสดงแต่อย่างใด
6) ตามเลขที่คำสั่งที่ปรากฏ (เลขที่ 1107/2564) หน่วยมิได้เคยออกคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ฯ แต่อย่างใด อีกทั้งรายชื่อคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการสารสนเทศ กองทัพภาคที่ 2 (ศปสท.ทภ.2) ชั้นยศไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ระดับผู้อำนวยการกอง ซึ่งต้องมีชั้นยศพันเอก แต่ในเอกสารมีชั้นยศเป็นพันโท ในส่วนของแม่ทัพน้อยที่ 2 ต้องมีชั้นยศพลโท ไม่ใช่พลตรี
7) การพิมพ์หนังสือราชการตามระเบียบงานสารบรรณปกติจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง ความเป็นระเบียบ รวมถึงการสะกดคำให้ถูกต้องตามหลัก แต่หนังสือฉบับดังกล่าวมีคำผิด แม้กระทั่งชื่อ นามสกุลของผู้ที่ต้องลงนาม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่า เอกสารดังกล่าวข้างต้นถือเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ ที่ได้มีการปลอมแปลงทั้งรูปแบบไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ รวมทั้งการลงลายมือชื่อไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง หน่วยจึงได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เป็นหลักฐานแล้ว
2. กรณีมีการอภิปรายว่ามีการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงกำลังพล พร้อมทั้งมีคลิปเสียงและรูปภาพประกอบ กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่า หน่วยไม่เคยได้รับการสนับสนุนงบประมาณตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ทราบที่มาของคลิปเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปภาพการยืนต่อแถวรับเบี้ยเลี้ยงตามที่กล่าวอ้างนั้น เป็นภาพเก่าของการจ่ายเบี้ยเลี้ยงตามปกติของหน่วย ก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สังเกตได้จากกำลังพลไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย ตามมาตรการที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนด
จึงเรียนมาเพื่อทราบในข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการดำเนินการของหน่วย. – สำนักข่าวไทย