รัฐสภา 1 ก.ย. – ปลัด สธ. นำทีมยืนยันวัคซีนสูตรไขว้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ฉีดได้จำนวนมาก ด้านอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยเตรียมส่งงานวิจัยตีพิมพ์ระดับโลก
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ แถลงหลังฝ่ายค้านอภิปรายกรณีที่มีความกังวลในการฉีดวัคซีนไขว้
โดย นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า กรณีที่มีการอภิปรายว่า การไขว้วัคซีน คือ เข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค และเข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกา ยังไม่มีการตีพิมพ์งานวิจัย ซึ่งขณะนี้กำลังส่งตีพิมพ์ ฉะนั้น การบริหารในสถานการณ์เช่นนี้ หากจะรอให้มีการตีพิมพ์งานวิจัยก่อนแล้วถึงนำมาบริหารจัดการ ถือว่าโง่มาก หากถามว่าทำไมเราถึงยังต้องซื้อวัคซีนซิโนแวค ก็สามารถตอบกลับได้ง่ายๆ ว่า ผลวิจัยบอกว่า การสู้กับเดลตาในปัจจุบันนั้น การใช้ซิโนแวค 1 เข็ม บวกแอสตราเซเนกา 1 เข็ม ให้ผลพอๆ กับการฉีดแอสตราเซเนกา 2 เข็ม ซึ่งหากจะรอแค่แอสตราเซเนกาอย่างเดียว ต่อให้ได้มาเดือนละ 10 ล้านโดส ก็สามารถฉีดได้เพียงแค่เดือนละ 5 ล้านคน แต่หากฉีดแบบสูตรไขว้ จะสามารถฉีดคนได้มากกว่าเดิม 2 เท่า นี่เป็นตรรกะพื้นฐานง่ายๆ หากคิดไม่ออก ตนก็ไม่รู้ว่าจะบริหารบ้านเมืองไปได้อย่างไร จึงมีความจำเป็นที่ต้องซื้อวัคซีนซิโนแวคมาเพิ่ม
“ยืนยันว่า การฉีดไขว้มีความปลอดภัย และอย่าพูดให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งนี้ ในการตัดสินใจของกระทรวงสาธารณสุข ในยุคที่มีวิกฤติต้องเร็ว หากจะลีลาและต้องรอเอกสาร อาจจะทำให้ชีวิตประชาชนเสียหายมากกว่า” นพ.ศุภกิจ กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับสายพันธุ์เดลตา เป็นเชื้ออุบัติใหม่ที่รู้จักเพียง 3-4 เดือน ความรู้ใหม่ๆ จึงเปลี่ยนไปตลอดเวลา การบริหารจัดการสถานการณ์ก็ต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน และยืนยันว่า เมื่อเจอสายพันธุ์เดลตา ทุกวัคซีนประสิทธิภาพลดลงหมด แต่ก็ยังมีประโยชน์ในการลดการป่วยหนักและเสียชีวิต แต่เราก็อยากทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของการฉีดไขว้ ซึ่งการค้นพบของแพทย์ไทย พบว่าภูมิคุ้มกันสูงกว่าปกติที่ใช้กัน และทำให้เราฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น ส่วนข้อกังวลว่าจะปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่า วัคซีนที่ใช้ 4-5 ยี่ห้อในประเทศไทยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และ อย. ซึ่งตอนนี้ฉีดไปแล้ว 32 ล้านโดส ยังไม่มีการเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ขณะที่การฉีดสูตรไขว้ที่ต่อไปเราจะใช้เป็นสูตรหลัก คือ เข็มแรกซิโนแวค เข็ม 2 แอสตราเซเนกา ฉีดไปแล้วมากกว่า 1.5 ล้านคน ยืนยันว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเช่นกัน ขอให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และกลไกการพัฒนาสูตรวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้คิดโดยลำพัง มีคณะกรรมการ มีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านโรคติดเชื้อ ด้านวัคซีน และด้านระบาดวิทยา มาประชุมและสรุป เพื่อจะปรับให้ประชาชน และอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการ ข้อมูลที่เรามี และข้อมูลทั่วโลก ด้วยความรอบคอบและรอบด้านเป็นขั้นตอน จนมีมติให้นำสูตรนี้มาใช้กับประชาชน
ขณะที่ นพ.มานัส กล่าวว่า เรื่องการจ่ายยาและการรักษาในระลอก 3 อาจจะพบผู้ป่วยรุนแรงและเสียชีวิตมากขึ้น โดยแนวทางรักษา เราจะให้ความสำคัญเรื่ององค์ความรู้ ยาใช้รักษา และเพิ่มการเข้าถึง มีการปรับการรักษาให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น เช่น กลุ่มไม่มีอาการก็ให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจร รวมถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงก็จะปรับปรุงให้เข้าถึงยาได้มากขึ้น ส่วนเรื่องเตียงที่ไม่พอก็มีการนำเสนอเรื่องการแยกกักตัวที่บ้านและในชุมชน รวมทั้งศูนย์พักคอยใน กทม. และได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานและภาคประชาสังคมที่มาช่วยดูแล สำหรับผู้ที่มีอาการก็จะได้รับยาตั้งแต่ทราบผลการตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และจะได้รับอุปกรณ์ติดตามอาการ อาหาร 3 มื้อ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยออกไปนอกบ้าน ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาเร็วขึ้น รวมทั้งในช่วงนี้ได้สำรองยาไปที่โรงพยาบาลต่างๆ และพื้นที่ต่างๆ ที่รับผิดชอบผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้านและในชุมชน ทำให้จ่ายยาได้เร็วขึ้น และทางกรมการแพทย์จะมีการติดตามสถานการณ์และปรับปรุงวิธีการรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ ยืนยันว่า มีการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่มีอาการ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง และไม่ให้เป็นภาระที่ผู้ป่วยต้องไปอยู่ในโรงพยาบาล และอยากยืนยันกับประชาชนว่า กระทรวงสาธารณสุขทำการต่อสู้โควิดในครั้งนี้ ด้วยการทำงานบูรณาการทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการในหลายรูปแบบ เพื่อป้องกันโรค การรักษาและการฉีดวัคซีนอย่างครบวงจร. – สำนักข่าวไทย