เตือนแอบอ้างเบื้องสูงให้ระวัง

รัฐสภา 1 ก.ย.-นายกฯ เตือนคนแอบอ้างเบื้องสูงให้ระวังตัว ลั่นเข้าเฝ้าถวายข้อราชการเพียงคนเดียว ยันปรับครม.-ยุบสภาไม่มีในหัวสมอง ปลุกกระแสไม่เอานายกฯ ไม่ใช่สภาพบุรุษ ใครเชื่อก็โง่เต็มที


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ยังไม่ปรับครม.และยังไม่ยุบสภาในขณะนี้

“ยังไม่มีอยู่ในหัวสมองของผม ใครที่ออกมาพูดลักษณะนี้ขอให้ระวังตัวไว้ด้วย เพื่อสร้างความตระหนักในการอภิปรายอะไรก็แล้วแต่ เพราะผมติดตามข่าวจากสื่อมาตลอด ถ้ามีคนทำเช่นนั้นจริง ผมคิดว่าเป็นคนใช้ไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุยกันแล้ว ซึ่งพล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร คุยกันภายในพรรคเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีการปล่อยข่าวพวกนี้ออกมา ตนและพล.อ.ประวิตรก็ไม่สบายใจ

เมื่อถามย้ำว่าแรงกระเพื่อมในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำรัฐบาล จะเป็นปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้มองว่าพรรคใดจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่คิดว่าสมาชิกทุกคนต้องเข้มแข็ง ยึดมั่นในข้อเท็จจริง หากใครจะกล่าวอะไรทั้งหมด ก็ขออย่าเชื่อ

“ถ้าสงสัยถามนายกฯ ได้ทุกคน นายกฯ อาจจะห่างเขาบ้าง เนื่องจากทำงานคนละบทบาท แต่ผมยินดีให้คำปรึกษา ผมก็เน้นย้ำมาโดยตลอดว่าการทำงานอะไรเกี่ยวกับงบประมาณต้องให้โปร่งใส และถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องที่จะมีใครไปทุจริตต้องไปสอบตามกระบวนการ ขอให้ช่วยกันดูไม่ว่าพรรคใดก็ตาม ผิดมา ผมก็ไม่ไหว ช่วยไม่ได้ เพราะยืนยันแล้วว่าจะต้องไม่ทุจริต” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวอยู่ 2-3 เรื่อง คือการโหวตล้มนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นเรื่องจริง ถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำเช่นนั้น ทำไปเพื่ออะไร ตนเข้ามา ตนก็ทำงาน 100% ทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นการที่จะรวมคะแนนเสียงโหวต ซึ่งจริงหรือไม่จริง ตนไม่ทราบ แต่ถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ ถ้าทำแบบนั้น ส่วนเรื่องที่สองที่มีข่าวว่า ตนจะยุบสภา ทุกคนก็ตื่นตระหนกกันไปหมด ยืนยันว่าเป็นการแอบอ้างทั้งสิ้น

เมื่อถามย้ำว่า ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตรหรือไม่ว่ามาบีบทำไม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ถามอย่างนั้น แต่ถามว่ามีข่าวอย่างนี้จริงหรือไม่ ว่าไปอ้างแล้วพูดกันเรื่อยเปื่อย

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรให้ความมั่นใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรยืนยันมาโดยตลอด และตนก็คุยกับพล.อ.ประวิตรตั้งแต่มีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรก็ระบุว่าจะสอบให้ สืบให้

“เมื่อสอบมาก็รายงานผมว่าเป็นเรื่องไม่ดี อาจจะหลบหู หลบตาอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ วันนี้ผมก็ต้องตามหมดว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีด้วยหรือไม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคจะช่วยกัน ยืนยันว่าจะไม่มียุบสภา เรากำลังทำงานหนักอยู่ งานสำคัญอยู่แล้วจะยุบสภาไปทำไม จะยุบได้อย่างไร ส่วนกรณีแอบอ้างเปลี่ยนตัว แอบอ้างเบื้องสูง ถือเป็นความผิดร้ายแรง ผมคนเดียวเท่านั้น ที่ได้มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี โอเคไหม ชัดเจนไหม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถูกพรรคพลังประชารัฐทวงคืนเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอาไปทำอะไร เอาไปทำเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติหรือไม่ ส่วนจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ พูดไปแล้ว

“จะอยู่ครบเทอมกับพรรคร่วมรัฐบาล ผมบอกกับหัวหน้าพรรค 3-4 พรรค ว่าเราต้องอยู่กันไปให้ได้ก่อนในช่วงนี้ วันหน้าเป็นเรื่องของวันหน้า เรื่องเลือกตั้งก็อีกเรื่องหนึ่ง วันนี้ผมไม่ทราบว่ามีกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ขอร้องว่าการทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ทำสิ่งที่ไม่ดี มันก็เป็นเรื่องของกรรม อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง วันหน้าถ้าผมดูแล้วมันใช่ มันจริง แล้วผมจะทำอะไรได้บ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนได้หารือกับพรรคเล็กแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คุยโดยตรง ซึ่งพรรคเล็กพรรคน้อยก็คุยกับหัวหน้าพรรคทั้ง 3 พรรค คุยกันหมด ตนก็ขอบคุณพรรคเล็ก ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ อย่าคิดว่า การทำงานร่วมกับรัฐบาล ประเด็นหลักคือเรื่องงบประมาณ ถ้าอย่างนี้กลับไปที่เดิมหมด อันไหนที่ควรได้ก็ควรได้ อันไหนที่ควรให้ก็ให้ โดยการพิจารณาของข้าราชการ

“ไม่ใช่เขียนอะไรมาก็ได้ พอไม่ได้ก็ไม่พอใจ ได้น้อยก็ไม่ชอบ ซึ่งผมไม่ต้องการให้กลับไปที่เดิม วันนี้ก็เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่พัฒนามามากพอสมควรในเกือบทุกจังหวัด ซึ่งทุกจังหวัดได้มากน้อยต่างกันเท่านั้น แต่ต้องทำข้อมูลโครงการให้ถูกต้องตามระเบียบ ตามที่ให้ได้ ถ้าให้ไปส่งเดช แล้วติดคุกทีหลังจะว่าอย่างไร ใครจะยอม ผมก็ไม่ยอม เรื่องที่บอกว่าผมทุจริต ก็ไปตรวจสอบมา บางทีก็พูดเอาสนุกเอามันส์กันในสภา ผมคิดว่าประชาชนเข้าใจมากขึ้น เราจะเดินการเมืองกันแบบเดิมไม่ได้แล้ว นี่คือการปฏิรูปการเมือง ซึ่งต้องเริ่มโดยส.ส.ทุกคน ในเมื่ออาสาสมัครเข้ามาทำงานการเมืองก็ต้องทำงานตามที่ประชาชนเขาไว้ใจะท่านก็เป็น ส.ส.และรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ของท่าน การเมืองแบบเดิมไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้ว ต้องทำการเมืองแบบใหม่ ที่ทุกคนพูดคุยกันหารือกัน ช่วยกันทำโครงการไปจนถึงคนในพื้นที่ของตนเอง และพื้นที่อื่น ๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะพื้นที่ของัวเอง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีการเคลื่อนไหวนอกสภาที่พยายามจะบีบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดไปแล้วว่ามีเหตุผลอะไรไปอ้าง มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะยุบสภา ต้องทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถยุบสภาได้ เอานายกรัฐมนตรีออกตอนนี้ ซึ่งที่มีข่าวมา คือไม่เอานายกรัฐมนตรีแล้ว ขอว่าเรื่องแบบนี้อย่าไปฟัง ใครเชื่อก็โง่แหละ โง่จริง

เมื่อถามว่าเมื่อคืน(31 ส.ค.) สวดมนต์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนสวดมนต์ทุกวัน และว่า “มีคนบอกว่า ผมสวดมนต์แล้วเอาเจ้าอาวาสมาเป็นนายกรัฐมนตรีดีกว่า นายกฯ จะตามใจได้หรือไม่” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]