เตือนแอบอ้างเบื้องสูงให้ระวัง

รัฐสภา 1 ก.ย.-นายกฯ เตือนคนแอบอ้างเบื้องสูงให้ระวังตัว ลั่นเข้าเฝ้าถวายข้อราชการเพียงคนเดียว ยันปรับครม.-ยุบสภาไม่มีในหัวสมอง ปลุกกระแสไม่เอานายกฯ ไม่ใช่สภาพบุรุษ ใครเชื่อก็โง่เต็มที


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ยังไม่ปรับครม.และยังไม่ยุบสภาในขณะนี้

“ยังไม่มีอยู่ในหัวสมองของผม ใครที่ออกมาพูดลักษณะนี้ขอให้ระวังตัวไว้ด้วย เพื่อสร้างความตระหนักในการอภิปรายอะไรก็แล้วแต่ เพราะผมติดตามข่าวจากสื่อมาตลอด ถ้ามีคนทำเช่นนั้นจริง ผมคิดว่าเป็นคนใช้ไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุยกันแล้ว ซึ่งพล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร คุยกันภายในพรรคเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีการปล่อยข่าวพวกนี้ออกมา ตนและพล.อ.ประวิตรก็ไม่สบายใจ

เมื่อถามย้ำว่าแรงกระเพื่อมในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำรัฐบาล จะเป็นปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้มองว่าพรรคใดจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่คิดว่าสมาชิกทุกคนต้องเข้มแข็ง ยึดมั่นในข้อเท็จจริง หากใครจะกล่าวอะไรทั้งหมด ก็ขออย่าเชื่อ

“ถ้าสงสัยถามนายกฯ ได้ทุกคน นายกฯ อาจจะห่างเขาบ้าง เนื่องจากทำงานคนละบทบาท แต่ผมยินดีให้คำปรึกษา ผมก็เน้นย้ำมาโดยตลอดว่าการทำงานอะไรเกี่ยวกับงบประมาณต้องให้โปร่งใส และถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องที่จะมีใครไปทุจริตต้องไปสอบตามกระบวนการ ขอให้ช่วยกันดูไม่ว่าพรรคใดก็ตาม ผิดมา ผมก็ไม่ไหว ช่วยไม่ได้ เพราะยืนยันแล้วว่าจะต้องไม่ทุจริต” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวอยู่ 2-3 เรื่อง คือการโหวตล้มนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นเรื่องจริง ถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำเช่นนั้น ทำไปเพื่ออะไร ตนเข้ามา ตนก็ทำงาน 100% ทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นการที่จะรวมคะแนนเสียงโหวต ซึ่งจริงหรือไม่จริง ตนไม่ทราบ แต่ถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ ถ้าทำแบบนั้น ส่วนเรื่องที่สองที่มีข่าวว่า ตนจะยุบสภา ทุกคนก็ตื่นตระหนกกันไปหมด ยืนยันว่าเป็นการแอบอ้างทั้งสิ้น

เมื่อถามย้ำว่า ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตรหรือไม่ว่ามาบีบทำไม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ถามอย่างนั้น แต่ถามว่ามีข่าวอย่างนี้จริงหรือไม่ ว่าไปอ้างแล้วพูดกันเรื่อยเปื่อย

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรให้ความมั่นใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรยืนยันมาโดยตลอด และตนก็คุยกับพล.อ.ประวิตรตั้งแต่มีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรก็ระบุว่าจะสอบให้ สืบให้

“เมื่อสอบมาก็รายงานผมว่าเป็นเรื่องไม่ดี อาจจะหลบหู หลบตาอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ วันนี้ผมก็ต้องตามหมดว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีด้วยหรือไม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคจะช่วยกัน ยืนยันว่าจะไม่มียุบสภา เรากำลังทำงานหนักอยู่ งานสำคัญอยู่แล้วจะยุบสภาไปทำไม จะยุบได้อย่างไร ส่วนกรณีแอบอ้างเปลี่ยนตัว แอบอ้างเบื้องสูง ถือเป็นความผิดร้ายแรง ผมคนเดียวเท่านั้น ที่ได้มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี โอเคไหม ชัดเจนไหม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถูกพรรคพลังประชารัฐทวงคืนเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอาไปทำอะไร เอาไปทำเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติหรือไม่ ส่วนจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ พูดไปแล้ว

“จะอยู่ครบเทอมกับพรรคร่วมรัฐบาล ผมบอกกับหัวหน้าพรรค 3-4 พรรค ว่าเราต้องอยู่กันไปให้ได้ก่อนในช่วงนี้ วันหน้าเป็นเรื่องของวันหน้า เรื่องเลือกตั้งก็อีกเรื่องหนึ่ง วันนี้ผมไม่ทราบว่ามีกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ขอร้องว่าการทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ทำสิ่งที่ไม่ดี มันก็เป็นเรื่องของกรรม อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง วันหน้าถ้าผมดูแล้วมันใช่ มันจริง แล้วผมจะทำอะไรได้บ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนได้หารือกับพรรคเล็กแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คุยโดยตรง ซึ่งพรรคเล็กพรรคน้อยก็คุยกับหัวหน้าพรรคทั้ง 3 พรรค คุยกันหมด ตนก็ขอบคุณพรรคเล็ก ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ อย่าคิดว่า การทำงานร่วมกับรัฐบาล ประเด็นหลักคือเรื่องงบประมาณ ถ้าอย่างนี้กลับไปที่เดิมหมด อันไหนที่ควรได้ก็ควรได้ อันไหนที่ควรให้ก็ให้ โดยการพิจารณาของข้าราชการ

“ไม่ใช่เขียนอะไรมาก็ได้ พอไม่ได้ก็ไม่พอใจ ได้น้อยก็ไม่ชอบ ซึ่งผมไม่ต้องการให้กลับไปที่เดิม วันนี้ก็เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่พัฒนามามากพอสมควรในเกือบทุกจังหวัด ซึ่งทุกจังหวัดได้มากน้อยต่างกันเท่านั้น แต่ต้องทำข้อมูลโครงการให้ถูกต้องตามระเบียบ ตามที่ให้ได้ ถ้าให้ไปส่งเดช แล้วติดคุกทีหลังจะว่าอย่างไร ใครจะยอม ผมก็ไม่ยอม เรื่องที่บอกว่าผมทุจริต ก็ไปตรวจสอบมา บางทีก็พูดเอาสนุกเอามันส์กันในสภา ผมคิดว่าประชาชนเข้าใจมากขึ้น เราจะเดินการเมืองกันแบบเดิมไม่ได้แล้ว นี่คือการปฏิรูปการเมือง ซึ่งต้องเริ่มโดยส.ส.ทุกคน ในเมื่ออาสาสมัครเข้ามาทำงานการเมืองก็ต้องทำงานตามที่ประชาชนเขาไว้ใจะท่านก็เป็น ส.ส.และรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ของท่าน การเมืองแบบเดิมไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้ว ต้องทำการเมืองแบบใหม่ ที่ทุกคนพูดคุยกันหารือกัน ช่วยกันทำโครงการไปจนถึงคนในพื้นที่ของตนเอง และพื้นที่อื่น ๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะพื้นที่ของัวเอง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีการเคลื่อนไหวนอกสภาที่พยายามจะบีบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดไปแล้วว่ามีเหตุผลอะไรไปอ้าง มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะยุบสภา ต้องทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถยุบสภาได้ เอานายกรัฐมนตรีออกตอนนี้ ซึ่งที่มีข่าวมา คือไม่เอานายกรัฐมนตรีแล้ว ขอว่าเรื่องแบบนี้อย่าไปฟัง ใครเชื่อก็โง่แหละ โง่จริง

เมื่อถามว่าเมื่อคืน(31 ส.ค.) สวดมนต์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนสวดมนต์ทุกวัน และว่า “มีคนบอกว่า ผมสวดมนต์แล้วเอาเจ้าอาวาสมาเป็นนายกรัฐมนตรีดีกว่า นายกฯ จะตามใจได้หรือไม่” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]