นายกฯ ยืนยันใช้งบฯ เพื่อประโยชน์ประเทศ ไม่ทุจริต

รัฐสภา 31 ส.ค.-นายกฯ ยืนยันรัฐบาลใช้งบฯ อย่างเหมาะสมเพื่อประโยชน์ประเทศ ไม่มีทุจริต พร้อมให้ตรวจสอบเงินทอนวัคซีน ยันไม่ได้สั่งการให้ใช้อาวุธจริงปราบชุมนุม


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงการอภิปรายของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยถึงการใช้งบประมาณ ว่า เป็นไปตามขั้นตอนและใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ ตนไม่สามารถสั่งการอะไรได้ และไม่อยากมีปัญหาเรื่องการทุจริตเหมือนที่ผ่านมา การใช้จ่ายงบกลางเป็นไปตามระเบียบ มีการเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี(ครม.) และมีการกลั่นกรองการใช้จ่ายงาบประมาณอย่างรอบด้าน สามารถตรวจสอบได้ตามระบบ ซึ่งการจัดงบฯ แบบขาดดุล เพื่อขับเคลื่อนให้ขยายตัวทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการใช้เงินในประเทศ ให้ประชาชนใช้เงินอย่างเพียงพอในช่วงนี้ และต้องใช้ลงทุนในต่างประเทศด้วย ส่วนที่ระบุว่ารัฐบาลไม่มีผลงานอะไรเลย ขอให้ไปย้อนดูว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำอะไรบ้าง ประเทศเปลี่ยนแปลงไปมาก ยืนยันว่าดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้น้อยไปกว่าเดิม

“ส่วนงบประมาณกระทรวงกลาโหม เป็นไปตามสัดส่วนแต่ละปีงบประมาณในแต่ละปี ในอดีตที่ผ่านมาจะพบว่าสัดส่วนงบประมาณกระทรวงกลาโหมแต่ละปี ไม่ได้มีจำนวนที่สูงมาก หากเปรียบเทียบในต่างประเทศ และอะไรที่ปรับได้ก็จะปรับให้ตามความจำเป็น มีทหารไว้ทำไม เพราะทหารมีความจำเป็น แม้ไม่ได้รบในขณะนี้ แต่ต้องทำหน้าที่อื่น ๆ ทั้งการดูแลชายแดน ความมั่นคงภายใน ภัยพิบัติ แรงงาน สถานการณ์ต่าง ๆและเรื่องโควิด-19 ด้วย ส่วนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นลูกหลานคนไทย และต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยทดแทนของเดิมที่หมดอายุ ชำรุด ไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือการต้องมีอาวุธทันสมัย เพราะอนาคตไม่มีความแน่นอน อย่าประเมินว่าการรบจะไม่เกิดขึ้น และอาจเริ่มจากเหตุการณ์เล็ก ๆ ก่อน ดังนั้นต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะตามแนวชายแดน อย่ามาอ้างว่ามีไว้ทำไม เพราะหากไม่มีแล้วใครจะมารับผิดชอบ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ภาระหนี้เศรษฐกิจถูกส่งต่อมาจากรัฐบาลอื่น แต่รัฐบาลนี้ยืนยันว่าก่อหนี้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และทำเพื่อประชาชน และขอให้ดูว่าการก่อหนี้ครั้งนี้จะช่วยเหลือประชาชนมากเท่าใด ส่วนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเป็นการสร้างฐานเสียงให้ตนเองอยู่ต่ออีกสมัยหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้ขึ้นอยู่กับกระบวนการประชาธิปไตย กระบวนการของสภาฯ เพราะตนไม่สามารถไปหลอกใครได้ เพราะขณะนี้ทุกคนเปิดหูเปิดตาในการรับข้อมูลข่าวสารอยู่แล้ว

“ผมไม่รู้กฎหมายทั้งหมด แต่รู้ว่าสามารถจะบังคับใช้กฎหมายอย่างไร ผมรับฟังทุกหน่วยงาน เช่นเดียวกับการแต่งตั้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นคนพิจารณา เชื่อว่าผมทำได้ดีกว่าที่ผ่านมา ส่วนเรื่องปัญหาการทุจริต ประกาศไปแล้ว ถ้ามองตัวเลขการดำเนินคดี ทั้งข้าราชการระดับสูง ระดับกลาง ระดับล่าง ทั้งไล่ออก ปลดออก มีคดีจำนวนมาก เพราะมีคดีมาก สมัยก่อนมีคดีมากกว่านี้ แต่ไม่ถูกดำเนินคดี คิดแบบนี้ได้หรือไม่ ลองเปรียบเทียบกัน วันนี้มีใครถูกดำเนินคดีติดคุกตลอดชีวิตหรือไม่ หรือสมัยก่อนมี แต่หนีคดี วันนี้มีมั้ย คิดแบบนี้จะได้เป็นธรรมด้วยกันทั้งสองฝ่าย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงทุนต่าง ๆ กำลังเริ่มดำเนินการ ในช่วงไตรมาสนี้ ตั้งแต่ต้นปี มีการลงทุนสูงขึ้นมีวันนี้ต้องใช้โอกาสนี้ที่บ้านเมืองสงบมีเสถียรภาพ ไม่ใช่สนับสนุนให้มีความวุ่นวาย ทุกคนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น และขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ตนไม่ได้ขู่ใคร เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญรัฐบาลไม่มีการก้าวล่วงอำนาจตุลาการ หรือศาล


“การที่จะบอกว่าจะไปใช้อำนาจกับประชาชน เด็ก เยาวชน และใช่ที่ที่ควรจะไปหรือไม่ และวันนี้กฎหมายมีทุกตัว และที่บอกว่าผมใช้อาวุธ ผมไม่เห็นตำรวจถืออาวุธจริงซักคน ท่านมองไม่ออกหรอกว่าไหนอาวุธจริง อาวุธปลอมกระสุนยาง มีแต่ตำรวจถูกยิงทุกวัน แล้วทำไมมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรง มันขัดแย้งกับความเป็นจริง ขัดแย้งในภาพ เพราะฉะนั้นอย่าเลือกดูภาพในโซเชียล สุดแล้วแต่ฝ่ายใครจะเอาออกมา ยืนยันไม่มีการสั่งการให้ใช้อาวุธจริงทั้งสิ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องที่ถูกกล่าวหาเรื่องเงินทอนการจัดซื้อวัคซีน ว่า ให้ไปหามาว่าใครเป็นผู้ได้รับ ซึ่งตนยอมรับการตรวจสอบทุกเรื่อง ที่ผ่านมามีเรื่องอะไรก็พร้อมชี้แจงตามข้อเท็จจริง และให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ เห็นว่าผู้อภิปรายเข้าใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

“ผมไม่มีธุรกิจหรือญาติพี่น้องทำรีสอร์ทใด ๆ ที่ต้องชี้แจง เพราะผู้อภิปรายเป็นรุ่นพี่ ส่วนตัวเคารพอยู่ แต่ในวันหน้าไม่แน่ว่าจะเคารพกันหรือไม่ เพราะทุกวันนี้เด็กก็คิดเป็นแล้ว ยืนยันว่าผมไม่โกรธเคือง เพราะจะให้ฝ่ายค้านมาชมก็เป็นไปไม่ได้ แต่ให้คำนึงถึงความจริง สิ่งที่ผมพูดมาจากหัวใจ และผมมีประสบการณ์มา 6-7 ปี ซึ่งถือเป็นความแตกต่างที่ผมรู้มากกว่า และผมสวดมนต์ทุกวัน ไม่คิดทำผิด ขอให้เชื่อมั่นรัฐบาลทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เป็นห่วงประชาชน ทุกเรื่องสามารถชี้แจงได้ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ยืนยันพิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ส่วนที่ต้องเวิร์ค ฟอร์ม โฮม 14 วัน เพราะใกล้ชิดคนติดโควิด หมอเลยสั่งให้ทำงานที่บ้าน แต่ยืนยันทำงานทุกวันผ่านระบบออนไลน์” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย