ทำเนียบรัฐบาล 30 ส.ค.-ปธ.อนุกก.บริหารน้ำตอ. เผย “พล.อ.ปรวิตร” สั่งป้องกันผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม กำชับส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมรองรับEEC กระตุ้นเศรษฐกิจ
พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่รายภาคภาคตะวันออก เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) มีความห่วงใยสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน เนื่องจากมีฝนตกชุก ในหลายพื้นที่ อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด และให้คำนึงถึงการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรมและการอุปโภค บริโภค จึงได้มอบหมายให้ตนประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่3/64 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาการบริหารทรัพยากรน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก และแนวทางการแก้ไขปัญหา รองรับสถานการณ์น้ำหลากในห้วงฤดูฝน โดยมีนายสำเริง แสงภู่วงค์ รอง เลขาธิการสทนช.ในฐานะรองประธานฯ และคณะอนุกรรมการ ร่วมประชุมที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กทม.
“ที่ประชุมติดตามความก้าวหน้าผลการศึกษาการจัดทำโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล(Desalination) เพื่อแก้ไขปัญหาความเสี่ยงของการขาดแคลนน้ำ และสร้างความมั่นคงด้านน้ำ สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) และติดตามการเตรียมความพร้อมของเครื่องจักร เครื่องมือ สำหรับเผชิญเหตุในช่วงฤดูฝน ปี 2564 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พ.ค.64 ที่กำหนด 10 มาตรการการรับมือฤดูฝน ปี64 ประกอบด้วย 1. คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และฝนน้อยกว่าค่าปกติ 2. การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ เพื่อรองรับน้ำหลาก 3. ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ – กลาง และเขื่อนระบายน้ำซ่อมแซม” พล.ร.อ.พิเชฐ กล่าว
พล.ร.อ.พิเชฐ กล่าวว่า 4. ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์/ระบบระบายน้ำ สถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน 5. ปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ 6. ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา 7. การเตรียมพร้อม/วางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่ฝนน้อยกว่าค่าปกติ 8. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ และปรับปรุงการส่งน้ำ 9. การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ และ10. ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการตามมาตรการดังกล่าว รวมทั้งติดตามกำกับให้หน่วยงานด้านป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้ง 8 จังหวัดร่วมกันประสานแผนงานและแผนการใช้เครื่องจักร เครื่องมือสำหรับรองรับสถานการณ์ในปี 64 และความพร้อมของเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่ฝนน้อยกว่าค่าปกติ
“มีการเตรียมเครื่องมือภายในจังหวัดสำหรับการเผชิญเหตุพื้นที่ภาคตะวันออกไว้ 8,028 หน่วย แบ่งเป็น เครื่องจักรกล 758 หน่วย อุปกรณ์และเครื่องมือ 3,536 หน่วย และยานพาหนะ 3,734 คัน พร้อมทั้งกำชับให้จังหวัดซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เพื่อตรวจสอบความพร้อมของแผน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านน้ำท่วมต่อประชาชน ซึ่งทั้ง 8 จังหวัดในภาคตะวันออกได้รายงานความพร้อมการเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออก จะเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ” พล.ร.อ.พิเชฐ กล่าว
พล.ร.อ.พิเชฐ กล่าวว่าที่ปะชุมได้ติดตามเร่งรัดการแต่งตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำและองค์กรผู้ใช้น้ำ ให้ครบถ้วนทุกลุ่มน้ำ เพื่อให้มีการบูรณาการ การใช้ทรัพยากรน้ำในพื้นที่ ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทุกภาคส่วน โดยมีความก้าวหน้าในการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำบางปะกง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกได้อย่างเป็นระบบต่อไป.-สำนักข่าวไทย