กำชับเข้มตามเข้มหลังผ่อนคลายมาตรการ

ทำเนียบรัฐบาล 30 ส.ค.-รองโฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ กำชับติดตามการเปิดเดินรถโดยสาร อากาศยาน ให้บริการข้ามจังหวัดจากพื้นที่สีแดงเข้ม ย้ำยังต้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังโรค และปฏิบัติตามมาตรการจังหวัดปลายทาง


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคบางส่วน ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้การขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัด โดยเฉพาะการการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้มให้สามารถดำเนินการ โดยกำหนดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% ของพาหนะแต่ละประเภท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามกำกับดูแลการกลับมาเปิดให้บริการทั้งในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ รถตู้ รวมถึงอากาศยาน ให้ดำเนินตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคที่ยังต้องเข้มงวด และต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 32 ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2564

“ในส่วนของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงเวลานี้ ก็ขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ตามแนวทางการป้องกันโรคในทุกกรณีทุกโอกาส หรือ Universal Prevention และขอให้ติดตามข้อมูลก่อนการเดินทางว่าจังหวัดปลายทางที่จะเดินทางไปนั้นมีมาตรการป้องกันโรคอย่างไร ผู้เดินทางจากพื้นที่ต่างๆ จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เนื่องจาก ศบค. ผ่อนคลายให้เกิดการเดินทางได้มากขึ้น แต่ทุกจังหวัดก็ยังมีมาตรการเฉพาะพื้นที่” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับประชาชนซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องการเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนา ยังขอให้เป็นการเดินทางตามระบบในโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา โดยประสานงานผ่านสายด่วน สปสช. 1330 กด 15 ไม่เดินทางกลับเอง เพื่อให้การส่งตัวปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป


“ศบค.เริ่มผ่อนคลายให้ระบบขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเริ่มกลับมาให้บริการได้ นายกฯ ยังกำชับและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานในพื้นที่ให้ร่วมกันติดตามดูแลการให้ดำเนินมาตรการต่างๆของผู้ให้บริการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทั้งประชาชนและพนักงานผู้ให้บริการ และหากดำเนินการไปได้ราบรื่น ก็จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไปได้” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

5ตัวประกันถึงไทย

5 ตัวประกันถึงไทยแล้ว ปล่อยโฮโผกอดครอบครัว

5 ตัวประกันถึงไทยแล้ว ปล่อยโฮโผเข้ากอดครอบครัวด้วยความดีใจ “ทูตอิสราเอล” ก็มาส่งด้วย น้ำตาคลอคุยครอบครัวตัวประกัน “มาริษ” สัญญาจะนำอีก 1 คน และ 2 ร่างผู้เสียชีวิตที่เหลือกลับมาให้ได้ ด้าน 1 ในตัวประกัน พูดไม่ออก ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้ได้กลับแผ่นดินแม่

ไทยตอนบนอุณหภูมิลด 1-3 องศาฯ อีสานอากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็นตอนเช้า ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่