“หมอพรทิพย์” ห่วงคนส่งคลิปแฉคดี ‘ผกก.โจ้’ หวั่นถึงขั้นตาย

กทม. 28 ส.ค.- “หมอพรทิพย์” ไม่เชื่อ คดี ‘ผกก.โจ้’ จะขยายผลได้หมด คาดตัดตอนไปที่เรื่องตาย ไม่ไปเรื่องอื่น ห่วงคนส่งคลิปแฉ หวั่นถึงขั้นตาย เชื่อ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ไม่ผ่าน ชี้มี กมธ.สายตำรวจบล็อก ท้วงแล้วท้วงอีก

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยถึงการจับกุม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังร่วมกับพวกใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนถึงแก่ความตายว่า กังวลลักษณะของคดี เพราะเป็นการเสียชีวิตโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และเป็นการใช้อำนาจตามบทกฎหมายที่มี ซึ่งการที่มีคนเสียชีวิตในขณะที่จับกลุ่มนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งที่สากลให้ความสำคัญอย่างมากแต่ประเทศไทยไม่เคยใส่ใจในเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีการแก้กฎหมายไปแล้วเมื่อปี 2543 ในการตายที่มีการควบคุมของเจ้าพนักงาน จะมีมาตรการเพิ่มขึ้นมามากมาย แต่ว่าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย อย่างเช่นในกรณีนี้ เป็นการตาย แล้วก็ส่งไปชันสูตร แล้วก็บิดเบือนข้อมูล พอศพเผาไปแล้ว ก็ไม่ได้ทำตามกฎหมายข้อนี้


พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยอมรับว่า ห่วงระบบการตรวจสอบในกรณีเช่นนี้ เรายังไม่เคยมีกฎหมายหรือระเบียบโดยเฉพาะ ตลอดเวลาก็ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันที่เป็นคนสอบสวน และไม่เคยที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับคนตายได้ ซึ่งตามสากลจะเน้นหน่วยงานที่เป็นกลางไม่ใช่หน่วยงานเดียวกัน ดังนั้น จากกรณีนี้จะเห็นได้ว่าตำรวจผู้ใหญ่ เหมือนให้โอกาสอย่างไม่ตรงไปตรงมา ขณะเดียวกัน ยังห่วงเรื่องการที่มีอำนาจแล้วไปใช้ประโยชน์ ซึ่งที่เห็นเด่นชัดคือเรื่องยาเสพติด รถหรู เพราะตอนนี้ตนเองติดตามเรื่องของยาเสพติดอยู่

“ทำไมเราจัดการกับต้นตอไม่ได้ ก็เพราะมันมีขบวนการแบบนี้ ก็คือ ล่อซื้อ และ ป.ป.ส.เป็นคนบอกเองว่า ที่จับได้ไม่ใช่ความต้องการจริง แปลว่ามันเหมือนการจัดฉากบางอย่าง เพื่ออะไร เพื่อสินบน เพื่อผลงานช่วงโยกย้ายอะไรประมาณนี้ เพราะฉะนั้น เคสนี้เห็นชัดแต่เรื่องนี้รวมถึงเรื่องรถหรู ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เราก็คงปล่อยให้กระบวนการที่อาจจะเอาเข้ามาเองหรือล่อเข้ามาก็แบบยาเสพติด แล้วก็ได้สินบนนำจับแล้วก็ไปตามซื้อตอนประมูลอีก ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เชื่อโดยสุจริตว่าจะสามารถสืบสวนสอบสวนขยายได้หมด เพราะส่วนใหญ่ก็จะตัดตอนไปที่เรื่องของการตาย ไม่ไปเรื่องอื่น” พญ.คุณหญิง พรทิพย์ กล่าว


พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ตำรวจว่า ปัญหาของตำรวจ คือไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมได้จริง เพราะว่าตำรวจเป็นต้นสายธาร และปัญหาอีกหนึ่งอย่างก็คือการวิ่งเต้น

“การโยกย้ายตำแหน่งที่ทำให้คนมันเหนื่อยเพราะต้องวิ่งเต้นเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ก็เลยทำให้คนไม่อยากมาทำงานพนักงานสอบสวน เขาก็อุตส่าห์ไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แล้วก็บอกบทเฉพาะกาลว่าจะต้องทำให้เสร็จภายในหนึ่งปี แล้วปรากฏว่านายกรัฐมนตรี ก็เป็นผู้ที่รับปาก แต่พอมาดูกระบวนการก็จะเห็นว่าชักเข้าชักออก ตั้งมาไม่รู้กี่ชุด สุดท้าย ร่าง พ.ร.บ.นี้ ไม่ได้พูดเรื่องยุติธรรม แต่พูดเรื่องโยกย้าย แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะผ่านได้ง่าย มันเหมือนผสมหลายร่างเข้ามา” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ตอนนี้ในกรรมาธิการตำรวจมีการถกเถียงกันว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการ การแบ่งโรงพักชั้นต่างๆ ซึ่งมองว่าเป็นกฎหมายจับฉ่ายมากๆ วนกลับไปกลับมา ซึ่งส่วนตัวมองว่าการพิจารณาแบบนี้ไม่ผ่าน เพราะท้วงแล้วท้วงอีก ตำรวจที่เป็นกรรมาธิการและตำรวจที่มาชี้แจงก็จะบล็อก ทั้งนี้ สิ่งที่กรรมาธิการที่ไม่ใช่ตำรวจต้องการเห็น คือ จะยกระดับงานสอบสวนอย่างไร แต่ก็มีการอ้างว่าฉบับนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องสอบสวนทั้งที่จริงนั้นไม่ใช่ และด้านกระบวนการยุติธรรมก็ไม่โผล่เลย


เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นในองค์กรตำรวจหลังจากเกิดคดีดังกล่าวขึ้นมา พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เชื่อว่า ภายในองค์กรตำรวจเจ็บปวดกับการที่ทำงานอย่างเต็มที่ แต่มีคนตัดหน้ามีคนมาเตะมาเขี่ยออก และตัวเองจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ และพยายามให้อยู่ในขบวนการเดียวกันเพื่อรักษาตำแหน่งและเพื่อไปต่อ มั่นใจว่า มีตำรวจดีเยอะ แต่มีความไม่กล้า จึงอยากเห็นผู้กล้าที่ลุกขึ้นมาทำเพื่อให้ระบบดีขึ้น อย่าสนใจว่าลุกขึ้นมาทำแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ เชื่อว่าคนที่เริ่มอาจจะเจ็บแต่ไปต่อได้ แต่ถ้าให้คนอื่นมาปฏิรูปให้ ย่อมเจ็บปวดมากกว่า เพราะคนอื่นไม่สามารถรู้ได้ถึงความจำเป็นของตัวเอง

“ระบบส่วย ก็ไม่ได้ถูกแก้ด้วยกฏหมายนี้ ก็ด้วยความห่วงใยจึงคิดว่า ควรมีตำรวจน้ำดีลุกขึ้นมา ซึ่งตอนนี้กำลังดูว่าเขาจะทำอย่างไรกับคนที่นำคลิปมาให้ ห่วงว่าจะตาย เพราะเขาไม่สนว่าเป็นการกระทำที่ผิด เขาสนแค่ว่าเพราะขัดผลประโยชน์ก็เลยโผล่ออกมา สุดท้ายก็ทำให้องค์กรเสียชื่อ ดังนั้น อย่าทำอะไรให้มันใหญ่โตไปกว่านี้ หันมามองตัวเอง สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดตลอดเวลาคือการไม่ฟังผู้น้อย การให้ความเห็นทั้งหมดเป็นผู้ที่อยู่ในระดับบนเท่านั้น” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

เมื่อถามถึง ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ระบุว่า น่าเสียดาย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิ์ฯได้ผลักดันออกมาแต่เป็นลักษณะกฎหมายที่เขียนภาพเสือให้วัวกลัว แต่ไม่มีเสืออยู่จริง เหมือนกับเขียนว่า อย่าอุ้ม อย่าซ้อม แต่ไม่ได้กำหนดกระบวนการตรวจสอบ เพราะการตรวจสอบจะมีทั้งการตรวจร่างกายและการตรวจศพ

“อย่างกรณีดังกล่าว สมมติว่า ไปบอกหมอว่าเสพยาเกินขนาด ก็ทำให้ยาก และถ้าไปเจอคุณหมอที่ไม่ใช่หมอนิติเวช แล้วดูบาดแผลไม่เป็น ก็ไม่สามารถช่วยให้เกิดความเป็นธรรม ดังนั้นกรณีการซ้อมทรมานต้องพูดเรื่องการปวดบาดแผล และต้องหาหน่วยงานกลางที่มารับเรื่อง แต่ถ้าเป็นระบบตำรวจอย่างทุกวันนี้ จะทำคดีก็ให้ตำรวจ จะตรวจศพก็ให้ตำรวจ ไม่มีทางแก้ได้ เพราะฉะนั้นถือว่าร่างกฏหมายฉบับนี้ไม่ครบ ส่วนเรื่องการอุ้มหายก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องการติดตามศพนิรนาม เพราะในประเทศไทย เมื่อบอกว่าเป็นศพไร้ชื่อก็ไม่มีความใส่ใจ ส่งไปฝังอย่างไม่มีระบบ ศพนิรนามจึงกลายเป็นหลุมดำหลุมใหญ่ของกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น กฎหมายนี้มีจุดอ่อน ก็ไม่รู้ว่า ส.ส.จะผลักดันได้แค่ไหน” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]