รัฐสภา 27 ส.ค.- “ส.ว.วันชัย” ชี้ การนำ ผกก.โจ้มาแถลงข่าว ไม่มีผลต่อการตัดสินคดี ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน จี้ ผู้มีอำนาจ เร่ง ผลักดัน พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจ ย้อนถามต้องมีตำรวจฆ่าประชาชนอีกกี่คนจึงจะปฏิรูปได้
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา และทนายความชื่อดัง ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยถึงคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นด้วยการทรมานว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และในความรู้สึกของประชาชนอาจจะมองว่า ผู้ต้องหาเป็นตำรวจอาจจะมีส่วนช่วยกัน
แต่โดยวิสัยพื้นฐานของมนุษย์ปกติที่อยู่ในอาชีพเดียวกัน และเชื่อว่าผู้กำกับโจ้ น่าจะมีเครือข่ายเข้าถึงผู้ใหญ่ในแวดวงการทำงานได้หมด ดังนั้น การดำเนินการ นำตัวมาแถลงข่าว จึงอาจจะดูผิดจากผู้ต้องหาคนอื่นที่หากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ฆ่าคนตาย อาจจะเห็นการใส่กุญแจมือ แต่ครั้งนี้ไม่เห็น ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะมั่นใจว่าไม่หนีและกฎหมายก็เปิดช่องให้ทำได้ แต่ตำรวจก็ต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ ไม่ควรทำอะไรให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้เห็นว่า จากคำให้การของผู้กำกับโจ้ น่าจะมีการพูดคุยกันมาก่อนกับทนายว่า อะไรพูดได้แค่ไหน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า ไม่ว่าผู้ต้องหาจะให้การอย่างไร ก็ไม่มีผลต่อคดี เพราะการตัดสินคดีไม่ได้ตัดสินจากการปฏิเสธของผู้ต้องหา โดยหลักแล้วคำสัมภาษณ์เมื่อคืนนี้ เกิดจากการตั้งหลักก่อน เวลาพูดอาจจะเกี่ยวกับคดีหรือไม่เกี่ยวกับคดีก็ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด เป็นภาพพจน์ของตัวเอง ที่ต้องการให้สังคมรับรู้ว่าไม่ได้เป็นคนแบบนั้น และต้องการจะบอกว่า ทั้งหมดนี้ตนเองเป็นลูกผู้ชาย ทำผิดแล้ว รับผิดคนเดียว ลูกน้องไม่ได้เกี่ยวทำตามที่สั่งและต้องการรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าที่ทำต้องการปราบปรามยาเสพติด
“เขาต้องการแสดงใน 2-3 เรื่องด้วยกันคือ ปกป้ององค์กร ปกป้องตนเอง และปกป้องลูกน้อง แต่สิ่งที่ปฏิเสธออกมาทั้งหมดนั้น ถ้าในสายตาของผม ผมเป็นทนายความผมถือว่า ไม่มีสาระทางคดี เพราะทำคดีมา 30-40 ปี ไม่มีจำเลยคนไหน ที่อยู่ๆมาแล้วบอกว่าผมรับสารภาพครับ คนรับสารภาพอาจจะจำนนด้วยหลักฐาน ด้วยอะไรจริงๆ แต่อะไรที่จะไหลไปได้ เขาก็ต้องตั้งหลักไว้ก่อน เพราะการจะไปรับสารภาพเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะฉะนั้นการที่เขาบอกว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่าก็เป็นเรื่องที่เขาพูด แต่กฎหมายเขามองที่กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เช่น ผมไม่ได้มีเจตนาฆ่า ผมต้องการความจริ งไม่ได้เรียกทรัพย์ แต่พยานหลักฐาน พยานแวดล้อม เป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งแม้จะสารภาพ ศาลยังไม่ปราณี เพราะที่ยอมรับเนื่องจากพยานหลักฐานทำให้ดิ้นไม่หลุดต่างหาก ดังนั้น สิ่งที่โจ้พูดทั้งหมด ก็เพราะเป็นไปแบบที่ผมพูดและพูดเพราะแบ่งรับแบ่งสู้” นายวันชัย กล่าว
นายวันชัย ยังเตือนด้วยว่า คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนงจับตาดูอยู่ ดังนั้นหากมีการช่วยเหลือหรือทำอะไรแบบไม่ตรงไปตรงมา จะเป็นอันตราย แต่ตนยังไม่เชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำแบบนี้และยังเชื่อในผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่บอกว่านิ้วไหนร้ายต้องตัดทิ้ง เพื่อให้เหลือนิ้วดีๆตำรวจดีๆเอาไว้ทำงาน
นายวันชัย ยังย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิรูปตำรวจ เพราะระบบถือว่ามีความสำคัญ หากมีระบบการแต่งตั้งโยกย้ายที่ดี มีระบบตอบแทนคุณธรรมจริยธรรมตาม ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ที่กำหนดไว้ทุกขั้นตอน ก็จะไม่มีตำรวจที่ไม่ดีหรือหากไม่ดีก็จะถูกระบบจัดการ ดังนั้นเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจที่จะต้องเร่งผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ พร้อมกับย้อนถามว่าจะต้องมีตำรวจฆ่าประชาชนอีกสักกี่คน เราถึงจะปฏิรูปตำรวจได้.-สำนักข่าวไทย