ทำเนียบ 25 ส.ค.-บอร์ดเอสเอ็มอี เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุน 1,224 ล้านบาท ตั้งเป้าให้ MSME อยู่รอดหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 นายกฯ กำชับใช้งบให้คุ้มค่า
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วม
โดยที่ประชุมเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม ประจำปี 2565 จำนวน 1,224.8801 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้ MSME อยู่รอด หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 บรรเทาปัญหาและฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เร่งพัฒนา Single sign on (SSO) ระบบฐานข้อมูลในการเชื่อมโยงการบริการและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ย้ำการใช้เงินกองทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เกิดความคุ้มค่า และประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SME โดยตรง พร้อมเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายที่ยังล้าสมัยให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้คำนึงถึงการประกอบธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 และผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนที่จะได้รับ โดยหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดการต่อยอดเศรษฐกิจ ยกระดับ SME รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาผู้ประกอบการ เพื่อเป็น SME รายใหม่
นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้เร่งแก้อุปสรรคและข้อจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SME โดยจัดทำข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อใช้พิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินทุนแต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งใช้ข้อมูลการบริหารงบฯในส่วนของการพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัดประกอบด้วย เพื่อเร่งสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมส่งเสริม SME ที่มีศักยภาพและมีนวัตกรรม ส่วน SME ที่มีศักยภาพน้อย ก็ต้องหาแนวทางควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมการค้าขายออนไลน์เพื่อให้ขยายกิจการเป็นขนาดย่อมและขนาดใหญ่ สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ด้วย ซึ่งทุกส่วนราชการช่วยกันดำเนินการไปสู่เป้าหมายรวมทั้งสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความรู้ด้านเทคโนโลยีเข้ามาสู่ภาคเกษตรให้ได้มากที่สุด เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรของไทยให้เกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน มีความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ พร้อมยืนยันรัฐบาลดูแลหนี้ของประชาชนทุกกลุ่ม โดยจะนำการแก้ปัญหาหนี้ของจีนมาปรับใช้แก้ปัญหาหนี้รายครัวเรือนให้สอดคล้องและเหมาะสมกับไทยต่อไป.-สำนักข่าวไทย