กทม. 25 ส.ค.-รัฐบาล เร่งกระจายผลผลิต แก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำ ผ่าน 5 มาตรการ ผลักดันส่งออกจีน-อินเดีย
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการดำเนินการแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำ ที่สาเหตุหลักมาจากการสั่งซื้อจากประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักมีปริมาณลดลงอย่างมาก โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งเข้าบรรเทาความเดือดร้อนไปแล้ว ผ่านมาตรการต่างๆ
ได้แก่ สนับสนุนความช่วยเหลือด้านตลาดในประเทศ โดยรับซื้อผ่านข้อตกลง ระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ตลาดกลางสินค้าเกษตร โรงงานแปรรูป รวมถึงช่วยกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต เพื่อจำหน่ายในตลาดปลายทางทั่วประเทศ อาทิ ร้านธงฟ้า รถโมบายผลไม้ และสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 1,028 สาขา รวมปริมาณกว่า 80,000 ตัน ,สนับสนุนค่าบริหารจัดการในการรวบรวมและกระจายผลผลิตลำไยให้แก่จังหวัดแหล่งผลิตลำไยในอัตรา 3 บาทต่อกิโลกรัม รวม 6 จังหวัด ปริมาณกว่า 15,764 ตัน ,รับซื้อผลผลิตลำไยรูดร่วงโดยตรงจากเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปสู่การแปรรูป รวม 8,600 ตัน ,สนับสนุนค่าบริหารจัดการผลักดันส่งออกผลไม้กิโลกรัมละ 5 บาท เป้าหมาย 60,000 ตัน และ ร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย สนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้และค่าขนส่งฟรี รวม 200,000 กล่อง ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้และผู้ประกอบการ ออนไลน์ ซึ่งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไย สามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนด้านมาตรการตลาดรองรับดังกล่าวได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ทูตพาณิชย์และทูตเกษตรที่ประเทศจีน ได้เจรจาปลดล็อคสำเร็จ ให้ทุกล้งในไทยที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสุขอนามัย สามารถรวบรวมลำไยและส่งออกไปยังตลาดจีนได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการระงับการนำเข้าลำไยจากไทย ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนส่งเสริมการบริโภคลำใยใน 12 เมืองใหญ่ของจีน เช่น อู่ฮั่น คุนหมิง เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง รวมทั้งตลาดในอินเดีย ส่งเสริมการบริโภคใน 4 รัฐ ประกอบด้วย รัฐเบงกอลตะวันตก รัฐหรยานา รัฐอุตตรประเทศ และรัฐเตลังคานา
นางสาวรัชดา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการดำเนินการมาโดยตลอด ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่ง และผู้ส่งออก เพื่อรับฟังปัญหาและหาทางออกอย่างตรงจุด อีกทั้งให้ความมั่นใจว่า จากมาตรการต่างๆ จะช่วยทำให้ราคาลำไยปรับตัวสูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย