ส.ส.มองงบพลังงานไม่มีโครงการเพื่อประชาชน

รัฐสภา 20 ส.ค.-“ชวน” เตือน ส.ส.รักษามาตรฐานสภาฯ ทำตามข้อบังคับการประชุม หลังมี ส.ส.ไม่เข้าใจการแปรญัตติ ขณะสภาฯ ถกงบ ก.พลังงาน ชี้ปล่อยปละละเลยไม่มีโครงการเพื่อประชาชน


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วาระที่ 2 และ 3 วันที่ 3 เริ่มพิจารณามาตรา 18 งบประมาณกระทรวงพลังงาน จำนวน 1,873,129,300 บาท ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สมาชิกส่วนใหญ่ได้ยึดตามแนวข้อบังคับ ซึ่งการแปรญัตติอาจมีบางท่านทำไม่ได้ด้วยความไม่เคยชิน แต่ขอเตือนอีกครั้งว่า การเตือนนี้ไม่ได้จุกจิกจู้จี้ แต่เพื่อให้ทุกคนได้รักษามาตรฐานของสภาฯ สมาชิกย่อมมีสิทธิในการอภิปราย เพราะเป็นการแปรญัตติ แต่ในข้อบังคับหากไม่ได้แปรญัตติ และไม่ได้สงวนความเห็น ก็อภิปรายได้เฉพาะถ้อยคำที่มีการเปลี่ยนแปลงตามข้อบังคับ ถ้าเข้าใจจุดนี้จะได้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น เพราะบันทึกทุกคนที่อภิปรายจะเป็นประวัติศาสตร์วันข้างหน้า หากคนมาอ่านก็จะได้เข้าใจว่า สมาชิกท่านนี้รู้กฎเกณฑ์หรือไม่

จากนั้นได้เข้าสู่วาระการประชุมพิจารณามาตรา 18 งบประมาณกระทรวงพลังงาน โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ปรับลดงบกระทรวงพลังงานไม่มาก ซึ่งในส่วนของตนได้สงวนความเห็นกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (2) แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาความมั่นคงทางพลังงาน รายการเงินอุดหนุนการชดเชยส่วนต่างการซื้อน้ำมันดิบของการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย 100 ล้านบาท


“รับทราบข้อมูลว่า กระบวนการน้ำมันปาล์มที่นำเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง และปิดบังอำพรางบางส่วน บางครั้งก็สวมสิทธิโดยมิชอบ นำน้ำมันภายนอกเข้ามาทำราคาน้ำมันปาล์มให้สูงขึ้น หากสังเกตจะพบว่า ช่วงหลังๆ น้ำมันปาล์มมีราคาแพง แม้จะมีเงินชดเชยเงินอุดหนุนให้กับกรมพัฒนาพลังงานฯ ก็ไม่ได้หมายความว่า ตลาดค้าน้ำมันปาล์มดิบที่นำมาใช้มีความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการอยู่ และมีมูลค่าที่สูงมาก จึงอยากให้ ส.ส. ผู้ที่เป็น กมธ.ได้ติดตามและตรวจสอบ เพื่อให้ผลประโยชน์ของประเทศไม่รั่วไหล และให้ประชาชนใช้สินค้าที่มีราคายุติธรรม พร้อมทั้งให้กระบวนการทุจริตถูกปราบปราม” นายเรืองไกร กล่าว

นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ได้สงวนความเห็นขอตัดลดงบกระทรวงพลังงาน 10% ซึ่งได้ตั้งโจทย์ไว้ตั้งแต่ในวาระ 1 อาทิ นโยบายของกระทรวงพลังงาน เป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชนหรือไม่ น้ำมันแพง ของแพง ก๊าซ ค่าไฟ ขนส่งแพง กระทบประชาชนทั้งสิ้น เอกสารงบฯ ระบุว่า ตัวชี้วัดสำคัญที่สุด คือ การตั้งราคาพลังงานไปยึดโยงกับรายได้ของครัวเรือน ซึ่งมันไม่ได้ ประเทศมีพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติเพียงส่วนหนึ่ง มันต้องเกลี่ยต้นทุน ไม่ใช่เอาต้นทุนไปเทียบกับกำลังซื้อของประชาชนเป็นหลัก ตรงนี้มันผิดแต่ต้น จึงอยากถามว่า กรรมาธิการฯ ซักถามหรือไม่ว่า นโยบายกระทรวงฯ เป็นอย่างนี้หรือไม่

“ผมบอกว่าให้ช่วยไปดูราคาหน้าโรงกลั่นของเราที่แพงกว่าภูมิภาคนี้ ตั้งแต่ปี 61, 62, 63 และ 64 เห็นชัดว่าสูงกว่าทุกปี ซึ่งปี 64 สูงกว่าถึง 61% และราคาก๊าซ ผมก็ชี้ให้เห็นในคราวที่แล้วว่า หลักคิดของราคาก๊าซ ไปคิดอ้างอิงราคาตลาดทั้งที่ประเทศไทยมีก๊าซส่วนหนึ่งในประเทศ มีต้นทุนต่ำกว่า คำตอบคือ สำนักปลัดฯ ออกมาชี้แจง ซึ่งอยู่ในรายงานการประชุมกรรมาธิการฯ ว่า จะปรับลดเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน จาก 10 สตางค์ เป็น 5 สตางค์/ลิตร ท่านได้ดูหรือเปล่าว่าลดแค่นี้พอหรือไม่ อีกประการคือ ไม่ได้บอกว่าจะทำเมื่อไหร่ พูดลอยๆ กรรมาธิการฯ พอใจหรือ เพราะนี่คือทุกข์ของประชาชน” นายเกียรติ กล่าว


นายเกียรติ กล่าวว่า เรื่องก๊าซธรรมชาติ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน ระบุไว้ในรายงานการประชุมว่า เปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ ปตท.เป็นผู้ดำเนินการ คำถามคือ เรามีกำกับดูแลกิจการพลังงานทำไม ท่านเขียนในรายงานของท่านอย่างนั้น แล้วท่านพอใจกับคำตอบนี้หรือว่า ปตท.จะเป็นผู้ดำเนินการในแง่ซึ่ง ปตท.เป็นเพียงตัวละครตัวหนึ่ง แต่กรรมาธิการท่านไปบันทึกไว้ในรายงาน ผมก็ต้องตั้งคำถามกับกรรมาธิการ เพราะตรงนี้เป็นงานของกรรมาธิการ ไม่เกี่ยวกับกระทรวงแล้ว ทำไมกรรมาธิการยอมรับคำพูดและคำตอบเช่นนี้ มันผิดตั้งแต่ต้น และอีกเรื่องคือ กรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) บอกว่า ปรับราคาหน้าโรงกลั่น 50 สตางค์/ลิตร ปรับไปตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.63 ท่านได้ไปดูหรือไม่ว่า ปรับหน้าโรงกลั่นก็จริง แค่ค้าปลีก ที่ปั๊มไม่มีการปรับ และกำไรยังอยู่ในระบบทั้งหมด

“ถ้ากระทรวงฯ ตอบมาอย่างนี้ มันไปได้หรือ กรรมาธิการฯ ยังอนุมัติให้หรือ คำตอบมีบันทึกไว้ในรายงานการประชุมเช่นกันว่า มาถามอะไรเรื่องราคาประเทศไทยมันแพง เพราะราคาแต่ละประเทศต่างกัน เนื่องจากภาษีต่างกัน ผมไม่ได้พูดเรื่องเหล่านี้ ผมบอกว่าราคาหน้าโรงกลั่นไม่เกี่ยวกับภาษีในประเทศเลย คำตอบเหล่านี้มันหลงทาง ท่านกรรมาธิการฯ ได้โต้แย้งไปหรือไม่ ในมุมหนึ่งถ้าผมเป็นกรรมาธิการอยู่ ผมคิดว่า คำพูดอย่างนี้มันดูถูกกรรมาธิการ และราคาขายปลีกไม่ลดลงเลย ได้ตั้งคำถามกลับไปหรือเปล่า ต้นทุนพลังงานคือต้นทุนสินค้าทุกประเภท กระทบชีวิตประชาชน กระทบค่าไฟ นี่คือเรื่องใหญ่ ผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้ พอผมอ่านรายงานการประชุมยิ่งกังวลไปอีก ผมไม่มีอะไรมาก แต่ขอคำชี้แจงว่า เวลาท่านเรียกเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ มาอธิบายใน กมธ. เขาชี้แจงมาแบบนี้ แล้วท่านยอมรับคำชี้แจงแบบนี้หรือเปล่า หรือมีแนวทางที่แนะนำไป แต่ไม่ได้บันทึกในรายงานการประชุมหรือเปล่า” นายเกียรติ กล่าว

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ขอเสนอปรับลดงบประมาณปี 2565 ของกระทรวงพลังงานลง 7% ทั้งนี้ ตนไม่รู้จัก รมว.พลังงาน เป็นการส่วนตัว และไม่มีธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในกระทรวงฯ แต่ตนเป็นผู้หนึ่งที่ใช้พลังงานทุกรูปแบบ และได้รับผลกระทบทุกครั้งกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน ปัจจุบันวิกฤติเศรษฐกิจการลงทุนของไทยตกต่ำ ธุรกิจที่อยู่รอดคือกลุ่มพลังงาน แม้ผลประกอบการจะลดลง ซึ่งกระทรวงพลังงานถูกปรับลดเพียงแค่ 10 ล้านบาท จากงบประมาณที่ขอไว้ เป็นการปรับลดลงน้อยมากแบบมีนัยสำคัญ โดยกระทรวงฯ ขอรับงบประมาณแบบชาญฉลาด ตั้งงบประมาณผูกพันประจำปีเกือบทุกโครงการ

“ไม่ว่าจะโครงการเล็กหรือใหญ่ ใช้วิธีการจากบริษัทมหาชนข้างนอกมาทำงบประมาณ เช่น การเช่ารถประจำตำแหน่งของเลขานุการรัฐมนตรี จำนวน 1.5 ล้านบาท โดยทำเป็นงบต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561-2565 อีกทั้งการจัดซื้อรถตู้ การจัดซื้อรถหกล้อ 1 ตัน การจัดซื้อรถกระบะ การจัดซื้อรถบรรทุก ใช้วิธีการเดียวกันหมด คือ งบผูกพัน จำนวน 20-30 คัน ที่ กมธ.ไม่สามารถตัดได้ เพราะถ้าตัดจะกระทบกับการใช้จ่ายงบต่อเนื่อง รวมถึงโครงการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้านพลังงานทดแทนก็ตั้งรายจ่ายค่าจ้างศึกษาความเหมาะสม และการสำรวจ ก็เป็นงบผูกพันต่อเนื่องไว้เกือบทุกโครงการ และราคาน้ำมันยังขึ้นต่อเนื่องในวิกฤติโควิดด้วย จึงถามว่า ทำไมราคาน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า จึงสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นงบทิพย์ที่ไม่สามารถตัดได้จริง ดังนั้น ตนจึงขอปรับลดลง 7%” นายณัฏฐ์ชนน กล่าว

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาเรื่องราคาค่าไฟฟ้าที่ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนเสนอปรับลดงบประมาณกระทรวงพลังงานลง 7% เพราะกรรมาธิการปรับลดงบประมาณกระทรวงนี้ลงน้อยมาก จึงขอถามกรรมาธิการว่า ได้ทำหน้าที่ดูแลให้ความเป็นธรรมเรื่องราคาพลังงานกับประชาชนมากน้อยเพียงใด

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเสนอให้ปรับลดลง 10% ซึ่งกระทรวงนี้เหมือนจะของบประมาณมาน้อย ดูเหมือนน่าสงสาร และแลดูสวยงาม แต่เอาเข้าจริงเป็นงบประมาณที่มาก เพราะส่วนใหญ่มีรายรับ ความเป็นจริงไม่ควรให้งบกับกระทรวงนี้เลย แต่เป็นกระทรวงสำคัญและมีความจำเป็น เพราะหน่วยงานในกระทรวงนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินภาษีของประชาชน ที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนที่เข้ามาลงทุนในไทยแล้วก็ฟ้องอนุญาโตตุลาการต่อกระทรวงพลังงาน มีการจ้างทนายเกือบ 1,000 ล้านบาท จากต่างประเทศ เพื่อสู้คดีที่ฟ้องรัฐบาลไทย ซึ่งกระทรวงพลังงานก็ต้องเอาเงินภาษีประชาชนไปจ้างทนายความเพื่อสู้คดี

“ถ้าเอาเงินงบที่ตั้งมาไปลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ไม่มีปัญหา แต่ตั้งงบมาเพื่อไปจ่ายทนาย ถามว่าใครเป็นคนผิด ใครพลาดก็จะต้องไปทวงตั้ง 7 ชั่วโคตร รัฐบาลผิดพลาด แต่ใช้ภาษีของประชาชนจ้างทนาย และราคาปาล์มน้ำมันที่ลดลง แต่รัฐบาลกลับแก้ปัญหาด้วยการสั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตซื้อปาล์มจากภาคใต้มาโรงไฟฟ้าบางปะกง ผมขอฟ้องประชาชนว่า เงินที่ตั้งทั้งหมดไม่ได้เป็นการลงทุน แต่ไปใช้เรื่องที่ทำผิดพลาดทั้งสิ้น รวมทั้งถามว่า กระทรวงพลังงานปล่อยปละละเลยเอื้อกับกลุ่มทุนหรือไม่ หากทำตรงไปตรงมาไม่มีใครว่า อย่างไรก็ตาม รายละเอียดและข้อมูลทั้งหมด ขอให้ รมว.พลังงาน พิจารณาและดำเนินการ ทั้งนี้ ประเด็นที่เกี่ยวข้องขอให้ติดตามต่อในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” นายจิรายุ กล่าว

นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ อภิปรายว่า ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร และ จ.เพชรบูรณ์ พบว่ามีการสำรวจปริมาณน้ำมัน โดยทุกคืนจะพบการขนน้ำมันออกจาก 2 พื้นที่ดังกล่าว โดยระบุว่าเพื่อการวิจัย แต่ข้อเท็จจริงพบว่านำไปขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้ในประเทศเมียนมามีน้ำมันราคาถูก ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีน้ำมันมากสุดในอาเซียน จึงขอปรับลดงบประมาณกระทรวงพลังงาน เพื่อปรับแผนการบริหารงานให้ดูแลประชาชนที่เป็นผู้บริโภคน้ำมันแพงที่สุด การจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ควรตั้งงบชดเชยหรือเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคกับพื้นที่เมืองให้ราคาเท่ากัน โดยรัฐบาลต้องชดเชยตัวเลขเหลื่อมล้ำค่าพลังงาน

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติมาตรา 18 โดยเสียงข้างมาก 230 เสียง เห็นชอบตาม กมธ.เสียงข้างมาก ต่อ 109 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ก่อนที่ประชุมจะพิจารณามาตรา 19 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]