สภาฯ ผ่านวาระ 2 “งบกลาโหม” ปรับลด 3,226 ล้าน

รัฐสภา 18 ส.ค. – สภาฯ ผ่านวาระ 2 งบประมาณ ก.กลาโหม ด้วยคะแนน 226 ต่อ 123 เสียง ปรับลด 3,226 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งไว้ 95,980 ล้านบาท ก่อนปิดประชุม 20.15 น. โดยจะพิจารณาต่อมาตรา 9 ในส่วนของ ก.คลัง พรุ่งนี้


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระที่ 2-3

ช่วงเย็นเข้าสู่การพิจารณามาตรา 8 งบประมาณกระทรวงกลาโหม ที่กรรมาธิการปรับลดทั้งสิ้น 3,226 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งไว้ 95,980 ล้านบาท


โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายขอสงวนคำแปรญัตติ ปรับลดงบฯ เป็น 26,733 ล้านบาท เนื่องจากกองทัพไม่ควรจัดซื้ออาวุธในวันที่ประชาชนล้มตาย และไม่ควรซื้อยุทโธปกรณ์ในวันที่ประชาชนต้องการวัคซีน

นายพิธา กล่าวว่า แม้กองทัพเรือได้ถอนเรือดำน้ำออกจากงบประมาณปี 65 แล้ว แต่ยังมีงบฯ สิ่งก่อสร้างและยุทโธปกรณ์สนับสนุนเรือดำน้ำ และอาวุธใหญ่อีกจำนวนมาก ทั้งท่าจอดเรือดำน้ำ โรงซ่อมเรือดำน้ำ คลังเก็บตอร์ปิโด เรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบก ระบบสื่อสารของเรือดำน้ำ และโดรนไร้คนขับ เป็นงบผูกพันกว่า 14,000 ล้านบาท เป็นงบฯ ปี 65 ประมาณ 3,000 ล้านบาท ตัวอย่างของอาวุธที่ควรตัดงบฯ คือ โครงการโดรนขนาดใหญ่ของกองทัพเรือ มีมูลค่าถึง 4,100 ล้านบาท ซึ่งมี 3 เหตุผลที่ตนต้องสงวนคำแปรญัตติ คือ

นายพิธา กล่าวว่า จากเหตุผลทั้ง 3 ข้อ เราจึงเห็นกองทัพใหญ่ๆ ระดับโลก เช่น กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพอินเดีย เริ่มพิจารณาลดการใช้โดรนขนาดใหญ่ลง ซึ่งสถิติหลอกกันไม่ได้ จะเห็นว่าโดรนขนาดใหญ่ที่กองทัพเรือต้องการซื้อ มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุในปี 2001-2014 ที่สูงมาก เมื่อดูตัวเลขโดรนเหล่านี้ที่ถูกซื้อมา 100 ลำ ตกถึง 48 ลำ ตามข้อมูลของหนังสือพิมพ์ระดับโลก พบว่าโดรน 48% ตกด้วยอุบัติเหตุ ไม่ได้ตกเพราะมีภาวะสงคราม แต่ตกด้วยตัวของโดรนเอง


ดังนั้น จึงเห็นว่า กองทัพอากาศในต่างประเทศที่ทบทวนการจัดซื้อโดรนขนาดใหญ่ เนื่องจากมีราคาสูง และเกิดอุบัติเหตุตกง่าย ไม่สามารถใช้ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งได้จริง กองทัพสหรัฐจึงลดการใช้โดรน โดยให้เหตุผลว่า แพงเกินไป และตกง่าย กองทัพอากาศอินเดียทบทวนการซื้อโดรน เพราะเชื่อว่าไม่สามารถใช้ในพื้นที่ขัดแย้งได้

นายพิธา กล่าวว่า การกระทำของกองทัพเรือ นอกจากจะผิดที่ ผิดเวลา ผิดกาลเทศะ ยังสวนกับทิศทางความมั่นคงระดับโลก ตนจึงขอตัดงบประมาณจำนวนดังกล่าว

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขอสงวนความเห็นเช่นกัน อภิปรายว่า งบประมาณเหล่าทัพบางส่วนน่าจะปรับลดลงได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยก็คาดการณ์การใช้จ่ายเงินแผ่นดิน จำเป็นต้องกู้เพิ่ม หรือตัวเลขจีดีพีที่ปรับลดลง ถ้าจีดีพีลดลง ก็หมายความว่ารายได้ของประเทศที่จัดเก็บผ่าน 3 กรมหลัก ก็จะลดลงในสัดส่วนเดียวกัน เมื่อลดลง สัดส่วนงบขาดดุล 700,000 ล้านบาท ก็อาจจะไม่เพียงพอ คงจะต้องปรับลดงบประมาณแต่ละรายการลง แต่ก็ขึ้นกับมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

แต่มีรายการหนึ่งที่เห็นว่าไม่รู้จะตั้งมาทำไม คือ งบรายจ่ายอื่นของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ค่าใช้จ่ายในการดำรงสภาพกำลังกองทัพ 2,820,700 บาท มีอยู่ 3 รายการ รายการที่ขอปรับลดมีรายการเดียว เพราะน่าจะเป็นตัวเลขที่ไม่มีความสำคัญ คือ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต กองทัพทั้งกองทัพ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ตั้งรายการนี้ 47,900 บาท ไม่ทราบว่าตั้งมาทำไม นัยสำคัญแทบจะไม่มี จะปราบปรามการทุจริตได้อย่างไร ซึ่งการตั้งงบประมาณแผ่นดินต้องมีความสำคัญ จึงเสนอตัดงบฯ ในส่วนนี้

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ในส่วนของงบฯ กระทรวงกลาโหม เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดการจัดซื้อชุดเครื่องสนามของกองทัพบก ถ้าดูในรายละเอียดราคากลางที่วางไว้สูงถึงชุดละ 14,858 บาท ตามสามัญสำนึกของทุกคน ชุดเครื่องสนามที่จะมีการจัดซื้อแบบรวมแพ็ก 12 รายการ มีอะไรบ้าง วันนี้ตนจึงขอเชิญชวนทุกคนไปชอปปิ้งทีละรายการ รายการที่ 1 คือ เสื้อกันฝน ซึ่งตนได้ดูจากร้านค้าออนไลน์ เสื้อกันฝนราคา 189 บาท เป้สนามเล็ก 440 บาท กระเป๋าอเนกประสงค์ 350 บาท กระเป๋าอเนกประสงค์ใส่ซองกระสุน 149 บาท ถุงผ้าสนาม 440 บาท กระโจมบุคคล หรือเต็นท์ทหาร 1,530 บาท กระติกน้ำ ทบ. 310 บาท เข็มขัดสนาม 450 บาท พลั่วสนาม 590 บาท สายโยงเข็มขัดสนาม 550 บาท หม้อสนาม 650 บาท และเป้หลังครบชุด 960 บาท

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ 12 รายการ ซึ่งรวมแล้วราคาชุดละ 14,858 บาท ทั้งที่ชาวบ้านตั้งราคากลางไว้ 6,775 บาท แต่กองทัพจะซื้อถึง 2,429 ชุด กองทัพบกจึงตั้งงบฯ ทั้งหมด 36 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเป็นมนุษย์ทั่วไปจะจ่ายในราคาชุดละ 6,775 บาท ถ้าซื้อจำนวน 2,429 ชุด จะใช้เงินเพียงแค่ 16,456,475 บาทเท่านั้น แต่กลับตั้งงบฯ ถึง 36 ล้านบาท ตนจึงต้องชวนกองทัพบกเข้าโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ของรัฐบาล เพราะถ้าเป็นอย่างนี้อาจจะไม่ใช่ช้อปดีมีคืน อาจจะเป็นช้อปดีมีทอน และถ้ายังให้ช้อปอย่างนี้ อาจจะเป็นช้อปมั่วมีคุก

นายวิโรจน์ กล่าวว่า “ช้อปดีมีคืน คืนให้ใคร จะคืนให้ประชาชน ด้วยการปรับลดงบประมาณลงมาเยี่ยงปุถุชนคนหนึ่ง ให้เหลือเพียง 16.5 ล้านบาท พอแล้ว จึงขอปรับลดงบฯ ลง 19.6 ล้านบาท ผมขอใช้เวลาสั้นๆ กราบเรียนไปยังนายกฯ ที่เป็น รมว.กลาโหม ด้วย ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัสขนาดไหน ผมคิดว่า นายกฯ แม้ว่าจะเวิร์กฟอร์มโฮมอยู่ ก็คิดว่าท่านรับรู้ว่ามีเด็กกี่คนที่ต้องกำพร้า สูญเสียพ่อแม่จากโควิด มีกี่คนที่เสียโอกาสไม่ได้เจอพ่อแม่เขาอีก เพราะได้จากไปเพราะโควิด ประชาชนที่ต้องหาเตียง รอยา บางคนที่ยังอยู่ในนี้และข้างนอกสภาฯ ไม่ได้สบายใจ คือ รอติด พอรอติดแล้วก็รอเตียง พอรอเตียงก็รอยา พอรอยาก็รอตาย พอรอตายแล้วยังต้องรอเตาอีก ผมคิดว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการที่สุดในวันนี้ คือ สามัญสำนึกในการใช้จ่ายงบประมาณจากกองทัพ และกระทรวงกลาโหม ซึ่งวันนี้ประชาชนไม่ได้เห็นตรงนั้นเลย อย่าเอางบฯ ประชาชนไปผลาญ ด้วยการนำน้ำยามาพ่นตามโขดหิน เพื่อสร้างภาพเลย เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้น ควรปรับลดงบฯ ไม่จำเป็น ชุดเครื่องสนามแบบนี้ ผมตั้งคำถามทันทีว่า ชุดเครื่องสนามหรือเครื่องสวาปามกันแน่ และไม่ควรจะเรียกว่าชุดเครื่องสนาม แต่ควรจะถูกเรียกว่า ชุดจานชาม ช้อนส้อม ตะเกียบ เพราะดูเหมือนว่าจะไม่ได้เอาไว้ฝึก แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเอาไว้กิน ดังนั้น ขอปรับลดงบฯ 19.6 ล้านบาท”

ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายอย่างดุเดือดถึงงบประมาณกระทรวงกลาโหม ว่า มีคำขอมาตั้งแต่แรกทั้งสิ้น 203,281 ล้านบาท จากนั้นยกตัวอย่างถึงงบฯ กองทัพบกที่ขอไป เป็นโครงการจัดหายานยนต์สายสรรพาวุธ ของบฯ 921 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 ผูกพันปี 2565 จำนวน 368 ล้านบาท ปี 2566 อีก 368 ล้านบาท แต่เมื่อสภาฯ อนุมัติงบฯ ให้ไปซื้อรถใหม่เอาไว้ลากรถถัง เพื่อทดแทนรถ M35 รวม 169 คัน ตกคันละ 5,400,000 บาท แต่เมื่อได้งบฯ กลับไม่ดำเนินการ แต่เอาไปเปลี่ยนแปลงเป็นงบฯ ซ่อมรถ M35 ค่าซ่อมคันละ 2,500,000 บาท ใช้งานมากว่า 40 ปี ขณะนี้หมดสภาพแล้ว จึงต้องขอคำตอบจากกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ว่า ผ่านงบฯ เช่นนี้ได้อย่างไร

ส่วนงบฯ กองทัพเรือ ในสถานการณ์ท่ามกลางความอดอยากของประชาชนขณะนี้ ทำไมจึงไม่เจรจาที่จะเลื่อนงวดงานเรือดำน้ำออกไป ยังไม่จำเป็นที่จะต้องจ่าย แล้วตอนนี้ก็ไม่สามารถตรวจรับหรือฝึกได้ รวมถึงเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ 6,200 ล้านบาท มีข้อสงสัยและอยากได้คำตอบ เพราะเรือลำนี้มีแต่เรือเปล่า ไม่มีอาวุธปืน ระบบอำนวยการรบ แล้วจะไปใช้รบได้อย่างไร อีกทั้งกองทัพเรือถูกปรับลดงบฯ ไปเพียง 8,400,000 บาท ส่วนเรือดำน้ำ 2 ลำ ถอนไปเอง ไม่เกี่ยวกับที่กรรมาธิการปรับลด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องโดรนไร้คนขับประจำชายฝั่งจากประเทศจีน ลำละ 1,400 ล้านบาท ซื้อ 3 ลำ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ท่ามกลางความอดอยากหิวโหยของประชาชน วัคซีนก็ไม่มี ประชาชนเดือดร้อน คุณซื้อโดรนเนี่ย มันฆ่าโควิดได้ไหม กองทัพเรือซื้อโดรนจะไปรบกับใคร กรรมาธิการต้องตอบผมว่า คุณอนุมัติให้เขาไปซื้อได้อย่างไร แล้ววันที่ยกมือ กรรมาธิการฟากฝ่ายค้านทั้งหมดวอล์กเอาต์ มีเฉพาะกรรมาธิการงบประมาณในซีกรัฐบาล 36 คน ที่ยกมือให้ ชะลอตัดออกไปก่อนได้ไหม และยังมีโดรนภายในประเทศ ลำละ 570 ล้านบาท ที่กองทัพเรือขอไว้ และกรรมาธิการไม่มีการปรับลดเลย ผมต้องขอคำตอบว่า มีเหตุผลความจำเป็นอะไรที่ให้กองทัพเรือไปซื้ออาวุธมากมายในช่วงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติโควิดอย่างนี้ ถ้ากรรมาธิการตอบไม่ได้ ผมก็ต้องขอเรียกร้องให้วันอาทิตย์นี้ ให้คาร์ม็อบมีคนออกมาไล่เยอะๆ จะได้ไปเร็วๆ

อย่างไรก็ตาม นายยุทธพงศ์ ทิ้งท้ายว่า ที่ขอปรับลดงบกลาโหม 10% หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท เพราะเห็นว่าเป็นรายการที่ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติในช่วงวิกฤติ ต้องปรับลดงบฯ ในการจัดซื้ออาวุธ เพราะอาวุธพวกนี้ฆ่าโควิดไม่ได้

ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาอภิปรายงบฯ กระทรวงกลาโหม ประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนจะมีมติให้ความเห็นชอบรายมาตรา วาระ 2 ด้วยคะแนน 226 เสียง ไม่เห็นด้วย 123 เสียง

ที่ประชุมปิดการประชุมในเวลา 20.15 น. โดยจะมีการพิจารณาต่อมาตรา 9 ในส่วนของกระทรวงการคลัง ในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.). – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย