สภาฯ ผ่านวาระ 2 “งบกลาโหม” ปรับลด 3,226 ล้าน

รัฐสภา 18 ส.ค. – สภาฯ ผ่านวาระ 2 งบประมาณ ก.กลาโหม ด้วยคะแนน 226 ต่อ 123 เสียง ปรับลด 3,226 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งไว้ 95,980 ล้านบาท ก่อนปิดประชุม 20.15 น. โดยจะพิจารณาต่อมาตรา 9 ในส่วนของ ก.คลัง พรุ่งนี้


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระที่ 2-3

ช่วงเย็นเข้าสู่การพิจารณามาตรา 8 งบประมาณกระทรวงกลาโหม ที่กรรมาธิการปรับลดทั้งสิ้น 3,226 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งไว้ 95,980 ล้านบาท


โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายขอสงวนคำแปรญัตติ ปรับลดงบฯ เป็น 26,733 ล้านบาท เนื่องจากกองทัพไม่ควรจัดซื้ออาวุธในวันที่ประชาชนล้มตาย และไม่ควรซื้อยุทโธปกรณ์ในวันที่ประชาชนต้องการวัคซีน

นายพิธา กล่าวว่า แม้กองทัพเรือได้ถอนเรือดำน้ำออกจากงบประมาณปี 65 แล้ว แต่ยังมีงบฯ สิ่งก่อสร้างและยุทโธปกรณ์สนับสนุนเรือดำน้ำ และอาวุธใหญ่อีกจำนวนมาก ทั้งท่าจอดเรือดำน้ำ โรงซ่อมเรือดำน้ำ คลังเก็บตอร์ปิโด เรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบก ระบบสื่อสารของเรือดำน้ำ และโดรนไร้คนขับ เป็นงบผูกพันกว่า 14,000 ล้านบาท เป็นงบฯ ปี 65 ประมาณ 3,000 ล้านบาท ตัวอย่างของอาวุธที่ควรตัดงบฯ คือ โครงการโดรนขนาดใหญ่ของกองทัพเรือ มีมูลค่าถึง 4,100 ล้านบาท ซึ่งมี 3 เหตุผลที่ตนต้องสงวนคำแปรญัตติ คือ

นายพิธา กล่าวว่า จากเหตุผลทั้ง 3 ข้อ เราจึงเห็นกองทัพใหญ่ๆ ระดับโลก เช่น กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพอินเดีย เริ่มพิจารณาลดการใช้โดรนขนาดใหญ่ลง ซึ่งสถิติหลอกกันไม่ได้ จะเห็นว่าโดรนขนาดใหญ่ที่กองทัพเรือต้องการซื้อ มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุในปี 2001-2014 ที่สูงมาก เมื่อดูตัวเลขโดรนเหล่านี้ที่ถูกซื้อมา 100 ลำ ตกถึง 48 ลำ ตามข้อมูลของหนังสือพิมพ์ระดับโลก พบว่าโดรน 48% ตกด้วยอุบัติเหตุ ไม่ได้ตกเพราะมีภาวะสงคราม แต่ตกด้วยตัวของโดรนเอง


ดังนั้น จึงเห็นว่า กองทัพอากาศในต่างประเทศที่ทบทวนการจัดซื้อโดรนขนาดใหญ่ เนื่องจากมีราคาสูง และเกิดอุบัติเหตุตกง่าย ไม่สามารถใช้ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งได้จริง กองทัพสหรัฐจึงลดการใช้โดรน โดยให้เหตุผลว่า แพงเกินไป และตกง่าย กองทัพอากาศอินเดียทบทวนการซื้อโดรน เพราะเชื่อว่าไม่สามารถใช้ในพื้นที่ขัดแย้งได้

นายพิธา กล่าวว่า การกระทำของกองทัพเรือ นอกจากจะผิดที่ ผิดเวลา ผิดกาลเทศะ ยังสวนกับทิศทางความมั่นคงระดับโลก ตนจึงขอตัดงบประมาณจำนวนดังกล่าว

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขอสงวนความเห็นเช่นกัน อภิปรายว่า งบประมาณเหล่าทัพบางส่วนน่าจะปรับลดลงได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยก็คาดการณ์การใช้จ่ายเงินแผ่นดิน จำเป็นต้องกู้เพิ่ม หรือตัวเลขจีดีพีที่ปรับลดลง ถ้าจีดีพีลดลง ก็หมายความว่ารายได้ของประเทศที่จัดเก็บผ่าน 3 กรมหลัก ก็จะลดลงในสัดส่วนเดียวกัน เมื่อลดลง สัดส่วนงบขาดดุล 700,000 ล้านบาท ก็อาจจะไม่เพียงพอ คงจะต้องปรับลดงบประมาณแต่ละรายการลง แต่ก็ขึ้นกับมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

แต่มีรายการหนึ่งที่เห็นว่าไม่รู้จะตั้งมาทำไม คือ งบรายจ่ายอื่นของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ค่าใช้จ่ายในการดำรงสภาพกำลังกองทัพ 2,820,700 บาท มีอยู่ 3 รายการ รายการที่ขอปรับลดมีรายการเดียว เพราะน่าจะเป็นตัวเลขที่ไม่มีความสำคัญ คือ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต กองทัพทั้งกองทัพ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ตั้งรายการนี้ 47,900 บาท ไม่ทราบว่าตั้งมาทำไม นัยสำคัญแทบจะไม่มี จะปราบปรามการทุจริตได้อย่างไร ซึ่งการตั้งงบประมาณแผ่นดินต้องมีความสำคัญ จึงเสนอตัดงบฯ ในส่วนนี้

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ในส่วนของงบฯ กระทรวงกลาโหม เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดการจัดซื้อชุดเครื่องสนามของกองทัพบก ถ้าดูในรายละเอียดราคากลางที่วางไว้สูงถึงชุดละ 14,858 บาท ตามสามัญสำนึกของทุกคน ชุดเครื่องสนามที่จะมีการจัดซื้อแบบรวมแพ็ก 12 รายการ มีอะไรบ้าง วันนี้ตนจึงขอเชิญชวนทุกคนไปชอปปิ้งทีละรายการ รายการที่ 1 คือ เสื้อกันฝน ซึ่งตนได้ดูจากร้านค้าออนไลน์ เสื้อกันฝนราคา 189 บาท เป้สนามเล็ก 440 บาท กระเป๋าอเนกประสงค์ 350 บาท กระเป๋าอเนกประสงค์ใส่ซองกระสุน 149 บาท ถุงผ้าสนาม 440 บาท กระโจมบุคคล หรือเต็นท์ทหาร 1,530 บาท กระติกน้ำ ทบ. 310 บาท เข็มขัดสนาม 450 บาท พลั่วสนาม 590 บาท สายโยงเข็มขัดสนาม 550 บาท หม้อสนาม 650 บาท และเป้หลังครบชุด 960 บาท

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ 12 รายการ ซึ่งรวมแล้วราคาชุดละ 14,858 บาท ทั้งที่ชาวบ้านตั้งราคากลางไว้ 6,775 บาท แต่กองทัพจะซื้อถึง 2,429 ชุด กองทัพบกจึงตั้งงบฯ ทั้งหมด 36 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเป็นมนุษย์ทั่วไปจะจ่ายในราคาชุดละ 6,775 บาท ถ้าซื้อจำนวน 2,429 ชุด จะใช้เงินเพียงแค่ 16,456,475 บาทเท่านั้น แต่กลับตั้งงบฯ ถึง 36 ล้านบาท ตนจึงต้องชวนกองทัพบกเข้าโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ของรัฐบาล เพราะถ้าเป็นอย่างนี้อาจจะไม่ใช่ช้อปดีมีคืน อาจจะเป็นช้อปดีมีทอน และถ้ายังให้ช้อปอย่างนี้ อาจจะเป็นช้อปมั่วมีคุก

นายวิโรจน์ กล่าวว่า “ช้อปดีมีคืน คืนให้ใคร จะคืนให้ประชาชน ด้วยการปรับลดงบประมาณลงมาเยี่ยงปุถุชนคนหนึ่ง ให้เหลือเพียง 16.5 ล้านบาท พอแล้ว จึงขอปรับลดงบฯ ลง 19.6 ล้านบาท ผมขอใช้เวลาสั้นๆ กราบเรียนไปยังนายกฯ ที่เป็น รมว.กลาโหม ด้วย ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัสขนาดไหน ผมคิดว่า นายกฯ แม้ว่าจะเวิร์กฟอร์มโฮมอยู่ ก็คิดว่าท่านรับรู้ว่ามีเด็กกี่คนที่ต้องกำพร้า สูญเสียพ่อแม่จากโควิด มีกี่คนที่เสียโอกาสไม่ได้เจอพ่อแม่เขาอีก เพราะได้จากไปเพราะโควิด ประชาชนที่ต้องหาเตียง รอยา บางคนที่ยังอยู่ในนี้และข้างนอกสภาฯ ไม่ได้สบายใจ คือ รอติด พอรอติดแล้วก็รอเตียง พอรอเตียงก็รอยา พอรอยาก็รอตาย พอรอตายแล้วยังต้องรอเตาอีก ผมคิดว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการที่สุดในวันนี้ คือ สามัญสำนึกในการใช้จ่ายงบประมาณจากกองทัพ และกระทรวงกลาโหม ซึ่งวันนี้ประชาชนไม่ได้เห็นตรงนั้นเลย อย่าเอางบฯ ประชาชนไปผลาญ ด้วยการนำน้ำยามาพ่นตามโขดหิน เพื่อสร้างภาพเลย เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้น ควรปรับลดงบฯ ไม่จำเป็น ชุดเครื่องสนามแบบนี้ ผมตั้งคำถามทันทีว่า ชุดเครื่องสนามหรือเครื่องสวาปามกันแน่ และไม่ควรจะเรียกว่าชุดเครื่องสนาม แต่ควรจะถูกเรียกว่า ชุดจานชาม ช้อนส้อม ตะเกียบ เพราะดูเหมือนว่าจะไม่ได้เอาไว้ฝึก แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเอาไว้กิน ดังนั้น ขอปรับลดงบฯ 19.6 ล้านบาท”

ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายอย่างดุเดือดถึงงบประมาณกระทรวงกลาโหม ว่า มีคำขอมาตั้งแต่แรกทั้งสิ้น 203,281 ล้านบาท จากนั้นยกตัวอย่างถึงงบฯ กองทัพบกที่ขอไป เป็นโครงการจัดหายานยนต์สายสรรพาวุธ ของบฯ 921 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 ผูกพันปี 2565 จำนวน 368 ล้านบาท ปี 2566 อีก 368 ล้านบาท แต่เมื่อสภาฯ อนุมัติงบฯ ให้ไปซื้อรถใหม่เอาไว้ลากรถถัง เพื่อทดแทนรถ M35 รวม 169 คัน ตกคันละ 5,400,000 บาท แต่เมื่อได้งบฯ กลับไม่ดำเนินการ แต่เอาไปเปลี่ยนแปลงเป็นงบฯ ซ่อมรถ M35 ค่าซ่อมคันละ 2,500,000 บาท ใช้งานมากว่า 40 ปี ขณะนี้หมดสภาพแล้ว จึงต้องขอคำตอบจากกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ว่า ผ่านงบฯ เช่นนี้ได้อย่างไร

ส่วนงบฯ กองทัพเรือ ในสถานการณ์ท่ามกลางความอดอยากของประชาชนขณะนี้ ทำไมจึงไม่เจรจาที่จะเลื่อนงวดงานเรือดำน้ำออกไป ยังไม่จำเป็นที่จะต้องจ่าย แล้วตอนนี้ก็ไม่สามารถตรวจรับหรือฝึกได้ รวมถึงเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ 6,200 ล้านบาท มีข้อสงสัยและอยากได้คำตอบ เพราะเรือลำนี้มีแต่เรือเปล่า ไม่มีอาวุธปืน ระบบอำนวยการรบ แล้วจะไปใช้รบได้อย่างไร อีกทั้งกองทัพเรือถูกปรับลดงบฯ ไปเพียง 8,400,000 บาท ส่วนเรือดำน้ำ 2 ลำ ถอนไปเอง ไม่เกี่ยวกับที่กรรมาธิการปรับลด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องโดรนไร้คนขับประจำชายฝั่งจากประเทศจีน ลำละ 1,400 ล้านบาท ซื้อ 3 ลำ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ท่ามกลางความอดอยากหิวโหยของประชาชน วัคซีนก็ไม่มี ประชาชนเดือดร้อน คุณซื้อโดรนเนี่ย มันฆ่าโควิดได้ไหม กองทัพเรือซื้อโดรนจะไปรบกับใคร กรรมาธิการต้องตอบผมว่า คุณอนุมัติให้เขาไปซื้อได้อย่างไร แล้ววันที่ยกมือ กรรมาธิการฟากฝ่ายค้านทั้งหมดวอล์กเอาต์ มีเฉพาะกรรมาธิการงบประมาณในซีกรัฐบาล 36 คน ที่ยกมือให้ ชะลอตัดออกไปก่อนได้ไหม และยังมีโดรนภายในประเทศ ลำละ 570 ล้านบาท ที่กองทัพเรือขอไว้ และกรรมาธิการไม่มีการปรับลดเลย ผมต้องขอคำตอบว่า มีเหตุผลความจำเป็นอะไรที่ให้กองทัพเรือไปซื้ออาวุธมากมายในช่วงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติโควิดอย่างนี้ ถ้ากรรมาธิการตอบไม่ได้ ผมก็ต้องขอเรียกร้องให้วันอาทิตย์นี้ ให้คาร์ม็อบมีคนออกมาไล่เยอะๆ จะได้ไปเร็วๆ

อย่างไรก็ตาม นายยุทธพงศ์ ทิ้งท้ายว่า ที่ขอปรับลดงบกลาโหม 10% หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท เพราะเห็นว่าเป็นรายการที่ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติในช่วงวิกฤติ ต้องปรับลดงบฯ ในการจัดซื้ออาวุธ เพราะอาวุธพวกนี้ฆ่าโควิดไม่ได้

ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาอภิปรายงบฯ กระทรวงกลาโหม ประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนจะมีมติให้ความเห็นชอบรายมาตรา วาระ 2 ด้วยคะแนน 226 เสียง ไม่เห็นด้วย 123 เสียง

ที่ประชุมปิดการประชุมในเวลา 20.15 น. โดยจะมีการพิจารณาต่อมาตรา 9 ในส่วนของกระทรวงการคลัง ในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.). – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย