รัฐสภา 13 ส.ค. – “ไพบูลย์” ไม่ห่วง หากพรรคก้าวไกลยื่นญัตติด่วน จี้ กมธ.แปรญัตติผิดข้อบังคับ ชี้สามารถเพิ่มมาตราใหม่ได้ แต่ต้องไม่ขัดหลักการ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. …. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 กล่าวถึงการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญในวันนี้ (13 ส.ค.) ซึ่งเป็นนัดสุดท้าย ว่า การพิจารณาแบบรายมาตราได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว และวันนี้ที่ประชุมจะพิจารณาและขอความเห็นประเด็นของพรรคก้าวไกล เตรียมยื่นญัตติด่วนถึง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณากรณีที่ กมธ. แก้รัฐธรรมนูญได้แปรญัตติแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 83 และมาตรา 91 นอกเหนือจากหลักการที่รับมาในวาระหนึ่ง กระทำได้หรือไม่ โดยหลังการลงมติดังกล่าวแล้ว ที่ประชุมจะพิจารณารายงานรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมภาพรวมอีกครั้ง เพื่อให้การรับรอง หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะนำเสนอรายงานไปยังประธานรัฐสภาเพื่อพิจารณาต่อไป
นายไพบูลย์ กล่าวถึง กรณีที่พรรคก้าวไกลเตรียมยื่นญัตติด่วน ว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งพรรคก้าวไกลอาจจะเห็นว่าข้อบังคับการประชุมข้อที่ 124 ที่กำหนดให้การแปรญัตติเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ หรือตัดทอน หรือแก้ไขมาตราเดิม ต้องไม่ขัดกับหลักการ เว้นแต่การแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการนั้น เช่นบทเฉพาะกาล ซึ่งต้องชี้แจงว่ามาตรา 124 วรรคสาม ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า สามารถแปรญัตติมาตราเพิ่มขึ้นใหม่ได้ แต่ต้องไม่ขัดกับหลักการ
นายไพบูลย์ ยืนยันว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทุกครั้งที่ผ่านมาได้พิจารณาโดยคำนึงถึงข้อบังคับการประชุมมาตรา 124 อย่างเคร่งครัด ดังนั้นหากพรรคก้าวไกล ยังคงติดใจและต้องการให้ที่ประชุมรัฐสภาร่วมพิจารณาตัดสินใจนั้น เชื่อว่าหากสมาชิกได้อ่านข้อบังคับการประชุมอย่างละเอียด ก็จะเห็นว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างถูกต้องแล้ว ก็เป็นการดีหากพรรคก้าวไกลยื่นญัตติด่วนดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และให้ได้ข้อยุติในที่สุด ขณะเดียวกันมองว่า เรื่องนี้จะไม่ส่งผลให้การพิจารณาแก้ไขต้องสะดุดลง โดยกรรมาธิการทุกคนต่างทำตามข้อบังคับการประชุม จึงไม่มีความกังวล แต่เป็นห่วงผู้เสนอจากพรรคก้าวไกลเท่านั้นว่าจะอธิบายในที่ประชุมอย่างไร เนื่องจากมาตรา 124 เขียนไว้ชัดเจน ขณะที่ทางสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ได้อ่านกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นในส่วนของ ส.ว.จึงไม่มีการทักท้วงในประเด็นดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย