ศบค. เผยการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั้งประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่แดงเข้ม

กรุงเทพฯ 7 ส.ค.-ศบค. เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 21,838 ราย ป่วยอาการหนัก 5,159 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,060 ราย พบผู้เสียชีวิต 212 ราย เป็นหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย เสียชีวิตที่บ้าน 4 ราย ขณะที่ กทม. ยอดป่วยใหม่ยังสูง 4,221 ราย การแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั้งประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดสีแดงเข้ม ส่วนคลัสเตอร์โรงงานยังพบต่อเนื่อง


ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,838 ราย โดยแบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 20,915 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 923 ราย สะสม 736,522 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 21,108 ราย สะสม 517,012 ราย กำลังรักษาอยู่ 213,444 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 78,773 ราย และโรงพยาบาลสนาม 134,671 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 5,159 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,060 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 212 ราย รวมเสียชีวิต 6,066 คน

ผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 21,838 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 17,160 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 3,751 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 923 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 4 ราย ซึ่งผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศยังคงพบลักลอบเข้าผ่านทางช่องทางธรรมชาติ เมียนมา 2 ราย


ขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 64 เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อแล้ว 707,659 ราย หายป่วยสะสม 489,586 ราย เสียชีวิตสะสม 5,972 ราย

สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิตทั้ง 212 ราย ชาย 116 ราย หญิง 96 ราย กทม. 99 ราย สมุทรปรากร 23 ราย สมุทรสาคร ชลบุรี จังหวัดละ 10 ราย ปทุมธานี 7 ราย ปัตตานี สงขลา จังหวัดละ 5 ราย อ่างทอง 4 ราย นนทบุรี นครปฐม นราธิวาส อุดรธานี อุบลราชธานี กำแพงเพชร นครสวรรค์ จังหวัดละ 3 ราย ระนอง สตูล ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี จังหวัดละ 2 ราย นครศรีธรรมราช ชัยภูมิ ยโสธร ศรีสะเกษ สกลนคร อำนาจเจริญ ลำปาง เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ชัยนาท ตาก เพชรบุรี ตราด ระยอง สระแก้ว สิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย โรคประจำตัวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง พบตั้งครรภ์ 2 ราย สมทุรสาคร นราธิวาส ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อคนในครอบครัว จากคนอื่นๆ อายุค่ากลาง 67 ปี อายุน้อยสุด 31 ปี อายุมากสุด 97 ปี เป็นชาวไทย 207 เมียนมา 3 ราย จีน 2 ราย อินเดีย 1 ราย เสียชีวิตที่บ้าน 4 ราย สมุทรปราการ 3 ราย สงขลา 1 ราย

ส่วนสถานการณ์ในประเทศการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั้งประเทศ โดยเฉพาะ จ.สีแดงเข้ม ติดเชื้อในครอบครัว ชุมชน โรงงาน ตลาด เป็นส่วนมาก พบผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง ต่างจังหวัดพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง สถานที่และประวัติเสี่ยงแตกต่างกัน ภาคเหนือและอีสานพบในครอบครัว เป็นผู้เดินทางกลับจากพื้นที่ระบาด สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ส่วนภาคกลาง ตะวันออก ใต้พบในโรงงาน สถานประกอบการ ตลาดสด ตลาดค้าส่ง (แพปลา)


10 อันดับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ วันที่ 7 ส.ค. 2564 คือ 1. กรุงเทพมหานคร 4,221 ราย 2. สมุทรปราการ 1,428 ราย 3. ชลบุรี 1,418 ราย 4. สมุทรสาคร 1,372 ราย 5. นครปฐม 781 ราย 6. นนทบุรี 699 ราย 7. สระบุรี 595 ราย 8. ปทุมธานี 514 ราย 9. ฉะเชิงเทรา 448 ราย 10. อุบลราชธานี 396 ราย

ส่วนจังหวัดอื่นๆ ยังมีการพบคลัสเตอร์ใหม่

  • นครปฐม พบคลัสเตอร์ใหม่ บริษัทผลิตภัณฑ์อาหาร อ.บางเลน 9 ราย
  • นนทบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ โรงงานเสื้อผ้า อ.เมือง 9 ราย
  • สมุทรปราการ พบคลัสเตอร์ใหม่ 2 แห่ง คือ บริษัทของใช้ในบ้าน อ.เมือง 18 ราย , บริษัทอาหารแช่แข็ง อ.บางพลี 11 ราย
  • ชลบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ โรงงานพ่นสี อ.บ้านบึง 19 ราย

ทั้งนี้ หลายจังหวัดยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมในคลัสเตอร์เดิมอย่างต่อเนื่อง

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 202,402,184 ราย อาการรุนแรง 95,316 ราย รักษาหายแล้ว 181,903,204 ราย เสียชีวิต 4,290,425 ราย

สำหรับอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด

  1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 36,447,123 ราย
  2. อินเดีย จำนวน 31,894,483 ราย
  3. บราซิล จำนวน 20,108,746 ราย
  4. รัสเซีย จำนวน 6,402,564 ราย
  5. ฝรั่งเศส จำนวน 6,258,953 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 37 จำนวน 736,522 ราย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]