เกษตรดีใจ ลุงป้อม ลุยช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ทำกินหลุดมือ ช่วงโควิดระบาด

กรุงเทพฯ 7 ส.ค.-“พล.ประวิตร” สั่งการ บจธ. ติดตามโครงการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีที่ดินทำกิน และโครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน จากการจำนอง ขายฝาก และถูกบังคับคดี ได้มีที่ดินของตนเองกลับคืนมา


7 สิงหาคม 2564 พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. กล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล บจธ. มีความห่วงใยความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มว่าเกษตรกรและผู้ยากจนอาจจะสูญเสียสิทธิในที่ดินทำกินสูงขึ้น จึงสั่งการให้ บจธ. ดำเนินการติดตาม โครงการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วจำนวนพื้นที่ 1,234-2-17.7 ไร่ ช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรให้มีที่ดินทำกิน จำนวน 482 ครัวเรือน และโครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน จากการจำนอง ขายฝาก และถูกบังคับคดี ได้มีที่ดินของตนเองกลับคืนมาจำนวน 334 ราย และในปี 2565 ที่แม้ บจธ. มีภารกิจสำคัญต้องผลักดันกฎหมายแต่เบื้องต้นคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ บจธ. แก้ปัญหาเกษตรกรที่ยังเดือดร้อนหนักอีกจำนวนหนึ่งให้แล้วเสร็จ

นายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการ บจธ. เปิดเผย บจธ. ได้เตรียมความพร้อมในกระบวนการเพื่อพิจารณาให้ช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพี่น้องเกษตรกรและชุมชน ให้พึ่งพาตัวเองได้ และแบ่งปันผู้เดือดร้อน ในช่วงการระบาดโควิด-19 โดยพบว่าวิสาหกิจชุมชน 11 พื้นที่ สหกรณ์การเกษตร 1 พื้นที่ ครอบคลุมทั้ง 4 ภาค (ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ) มีความเข้มแข็ง มีผลผลิตและผลิตภัณฑ์การเกษตรปลอดสารพิษเพื่อบริโภคและจำหน่าย สร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัว ทำให้สามารถจ่ายค่าเช่าที่ดิน และค่าเช่าซื้อที่ดินกับ บจธ.


“จากการระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย ทำให้ที่ดินหลุดมือเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีภาระหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ ไม่สามารถชำระหนี้สินได้ ปัจจุบันเกษตรกรรายย่อยมีปัญหาที่ดินจะหลุดมือ หรือหลุดมือไปแล้ว ได้ขอความช่วยเหลือจาก บจธ. จำนวน 900 กว่าราย เข้าหลักเกณฑ์จำนวน 630 ราย และมีเกษตรกรผู้ยากจนอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน หน่วยงานของรัฐและเอกชนได้ ทำให้ไปใช้บริการเงินกู้นอกระบบ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยแพงมากเกินกฎหมายกำหนด จึงมีแนวโน้มจะถูกยึดที่ดินทำกิน ในปีงบประมาณ 2565 แม้ บจธ. จะได้รับการพิจารณางบประมาณแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน เพียง 25 ล้านบาท ซึ่งในงบประมาณในส่วนนี้ บจธ. สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้เพียง 25 ราย ก็ตาม นายกุลพัชรกล่าว

ระหว่างปี 2559 – 2562 บจธ. ได้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจนไปแล้ว 334 ราย รวมเนื้อที่ 2,319 ไร่เศษ ซึ่งยังอยู่ในช่วงการชำระสินเชื่อ

ลุงสำรวย อายุ 53 ปี เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน พื้นที่ภาคเหนือ อาศัยอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลท่าขมิ้น อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่มันสำปะหลัง ปลูกพืชผสมผสาน และเผาถ่าน ได้ทำสัญญาค้ำประกันสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ต่อมาลุงสำรวยฯ กับญาติ ถูกฟ้องบังคับชำระหนี้ และถูกบังคับยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด และขอความช่วยเหลือกับหลายหน่วยงาน สุดท้าย บจธ. ให้ความช่วยเหลือจนได้ที่ดินกลับคืนมา


“ขอขอบคุณทุกหน่วยงานเลยครับ และ บจธ. ที่มาช่วยเหลือคนที่ที่ดินหลุดมือโดยไม่ได้ตั้งใจ เข้ามาช่วยได้ทันท่วงที ปัจจุบัน ลุงก็มีรายได้ไม่มาก แต่ก็พออยู่ได้ พอส่งให้ บจธ. ไหวครับไม่แพง เหลือก็เก็บไว้ ชีวิตไม่เครียดไม่อะไรแล้ว อยากให้คนที่เจอแบบกับลุงนี่นะ ได้รับการช่วยเหลือ ขอบคุณมากเลยครับ” ลุงสำรวยกล่าว

เช่นเดียวกับลุงวิสูติ อายุ 51 ปี เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่ภาคกลาง ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม ทำนา และรับจ้างทั่วไป อาศัยอยู่ที่ หมู่ที่ 3 ตำบลนางบวช อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เช่าที่นา และประสบปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดในนาข้าว ทำให้ขาดทุน ประกอบกับส่งบุตรเรียนหนังสือ ต้องนำที่ดินไปขายฝาก แต่ไม่มีเงินชำระหนี้ จึงยื่นร้องขอความช่วยเหลือมายัง บจธ. ทำให้ที่ดินที่หลุดขายฝากได้กลับคืนมา

“ ขอสินเชื่อไม่ได้ เราไม่มีหลักประกัน วันนั้นหน่วยงานเค้ามีหนังสือตอบกลับมา บอกว่าเราได้รับการช่วยเหลือแล้ว แทบพูดไม่ออกเลย ตื้นตันใจ ที่ยังมีหน่วยงานที่ยังมองเห็นคุณค่าของเรา” ลุงวิสูติ กล่าว

ป้าอุทัย อายุ 58 ปี เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่ภาคอีสาน อาศัยอยู่ที่ หมู่ที่ 8 ตำบลหนองบัว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ไร่อ้อย มันสำปะหลัง เลี้ยงวัว ค้าขาย และรับจ้าง เมื่อปี 2558 ทำสัญญาขายฝากที่ดินแปลงดังกล่าว จนกระทั่งปี 2560 ป้าอุทัย ประสบปัญหาขาดทุนจากการทำไร่อ้อย ไม่มีเงินชำระดอกเบี้ยจึงทำให้ที่ดินหลุดไป จึงเดินทางมายัง บจธ. เพื่อขอรับความช่วยเหลือจาก บจธ. จำนวนเนื้อที่ 6-1-47.1 ไร่ และ 7-0-00 ไร่ แล้วจัดให้ป้าอุทัยฯ เข้าทำประโยชน์ในที่ดินโดยการเช่าซื้อ

“ถ้า บจธ. ไม่มาช่วยป้าก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว ไปมาหลายหน่วยงาน เค้าบอกเค้าช่วยไม่ได้ ที่ดินอยู่กับเจ้าหนี้แล้ว ป้าไม่มีหลักประกันที่ไหนมาค้ำประกันแล้ว ไม่คิดว่าจะมีหน่วยงานแบบ บจธ. ที่ช่วยเราได้ ป้าไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดี ตอนนี้ป้าก็ปลูกผักสวนครัว เก็บเงินส่ง บจธ. ไหวสิ ไหวอยู่แล้วโควิดมาเราก็ต้องรับสภาพเหมือนกันหมด” ป้าอุทัย กล่าว

ป้าพรทิพย์ อายุ 50 ปี เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำสวนยาง สวนมะม่วง และสวนปาล์มน้ำมัน อยู่ที่ หมู่ 10 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้ทำสัญญายืมเงินและทำหนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน พร้อมบ้านพักอาศัย ไว้กับผู้รับซื้อขายฝาก เพื่อนำเงินมาลงทุนและรับซื้อของเก่ามาขาย แต่รายได้จากการรับซื้อของเก่ามีไม่เพียงพอ ซ้ำโรงงานที่ตนเองไปรับจ้างผลิตผลไม้กระป๋องก็ปิดกิจการ สุดท้ายที่ดินของป้าจึงต้องตกเป็นของเจ้าหนี้ บจธ. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว โดยได้ติดต่อประสานงานกับป้าและเจ้าของที่ดินในปัจจุบันเพื่อขอซื้อที่ดินดังกล่าวคืน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่เจ้าของที่ดินได้ยินยอมให้ความอนุเคราะห์ขายที่ดินคืนให้แก่ ป้าพรทิพย์

“ที่ดินตรงนี้เป็นที่ของพ่อแม่ เป็นที่ผืนสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีที่ตรงนี้แล้วเราก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน หลังจากที่ป้าได้รับหนังสือตอบกลับ ป้าก็ดีใจมากๆ ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้ที่ดินของตัวเองคืน ทีแรกไม่คิดว่าจะมีหน่วยงานไหนช่วยเราได้ เพราะเราไม่มีหลักประกัน ไม่รู้ว่าจะพูดขอบคุณยังไงดี ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณ บจธ. จริงๆ อยากให้คนที่ตกทุกข์ได้ยากแบบป้าได้รับความช่วยเหลือจาก บจธ. โครงการนี้ดีมากๆ อยากให้คนรู้จักเยอะๆ ขยายความช่วยเหลือไปทั่วประเทศจะดีมากๆ เลย” ป้าพรทิพย์กล่าว

ทั้งนี้ เกษตรกรและผู้ยากจนที่ประสบปัญหาเรื่องที่ดินทำกินสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องที่ดินทำกินได้ที่ โทร 02-278-1648 ต่อ 115, 02-278-1244 ต่อ 610 หรือ 063-214-7844 อีเมล์ saraban@labai.or.th”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย