กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – 6 องค์กรวิชาชีพสื่อ ยื่น กสม. ขอให้ตรวจสอบการใช้กฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน จำกัดเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน
วันนี้ (31 ก.ค.64) สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดย น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางปรีดา คงแป้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ เศรษฐมาลินี น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รับเรื่องร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ (Zoom meeting) จากผู้แทน 6 องค์กรวิชาชีพสื่อ ได้แก่ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ กรณีขอให้ตรวจสอบการคุกคามการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชนโดยรัฐ สืบเนื่องจากกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ข้อกำหนดฉบับที่ 27 และฉบับที่ 29 ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งระบุมาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน และการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยองค์กรวิชาชีพสื่อ เห็นว่า ข้อกำหนดฯ ทั้ง 2 ฉบับ เป็นการให้อำนาจรัฐใช้ดุลยพินิจอย่างกว้างขวางในการควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ตลอดจนการใช้สื่อออนไลน์ของประชาชนทั่วไป อันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกอย่างชัดแจ้ง
ในการนี้ กสม.ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับองค์กรวิชาชีพสื่อ โดยมีความห่วงกังวลต่อการบังคับใช้ข้อกำหนดฉบับที่ 27 และฉบับที่ 29 ซึ่งไม่เพียงจะกระทบกระเทือนต่อเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ โดยก่อนหน้านี้ กสม.เคยออกมาย้ำเตือนรัฐบาลให้ทบทวนข้อกำหนดฉบับที่ 27 โดยเฉพาะข้อที่ 11 แล้ว อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังประกาศใช้ข้อกำหนดฉบับที่ 29 ตามมาเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมีสาระให้อำนาจรัฐครอบคลุมไปถึงการกำกับดูแลสื่ออินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด และเมื่อพิจารณาประกอบกับมาตรการการจัดการข่าวปลอม หรือ Fake news ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัวให้แต่ละหน่วยงานแก้ไขปัญหาและแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในการเผยแพร่ข่าวปลอมด้วยนั้น ยิ่งอาจทำให้การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชนต้องตกอยู่ในภาวะถูกคุกคาม และไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่ง กสม.จะได้ตรวจสอบและจัดทำรายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในประเด็นดังกล่าวเสนอรัฐบาลต่อไป
“ในภาวะวิกฤต การรับรู้และส่งต่อข้อมูลข่าวสารอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ถูกต้องได้ ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนาของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง อย่างไรก็ดี การจำกัดการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของสื่อมวลชนและประชาชนอย่างเคร่งครัด อาจยิ่งไม่เป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ” ประธาน กสม. กล่าว
ทั้งนี้ ในการพูดคุยกับผู้แทน 6 องค์กรวิชาชีพสื่อ กสม.ยังได้หารือถึงแนวทางในการทำงานร่วมกัน เพื่อยกระดับเรื่องสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย เช่น การส่งเสริมความตระหนักรู้ในเรื่องสิทธิมนุษยชน การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) หรือละเมิดสิทธิผู้อื่น เสรีภาพในการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน และการกำกับดูแลกันเองของสื่อ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียเอง. – สำนักข่าวไทย