คมนาคมยืนยัน รฟท.เริ่มส่งผู้ป่วยโควิดกลับไปรักษา 7 จว.อีสาน พรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – “ศักดิ์สยาม” ยืนยันความพร้อมขั้นตอนส่งผู้ป่วยโควิด-19 ใน 7 จังหวัดภาคอีสาน กลับภูมิลำเนาโดยรถไฟ โดย รฟท.เริ่มเดินรถขบวนแรก พรุ่งนี้ (27 ก.ค.) รถออกจากสถานีรังสิต เวลา 09.00 น.


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามเตรียมการส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครราชสีมา อำนาจเจริญ ยโสธร และสุรินทร์ ผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ โปรแกรม Zoom ณ กระทรวงคมนาคม วันนี้ (26 ก.ค.64)

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 มอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนรับผิดชอบการส่งผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโควิด-19 ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล กลับไปเข้ารับการรักษาในจังหวัดภูมิลำเนา และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับผิดชอบการประสานและบริหารการจัดส่งผู้ป่วยใน 6 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับผิดชอบการประสานการบริหารจัดการจัดส่งผู้ป่วย จ.นครราชสีมา รวมเป็น 7 จังหวัด ซึ่งต่อมากระทรวงคมนาคมได้จัดประชุมเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เพื่อประสานการดำเนินงานระหว่างกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดในภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งประสานการดำเนินงานนั้น


กระทรวงคมนาคม โดยความร่วมมือของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกระทรวงสาธารณสุข โดยความร่วมมือของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จัดให้มีขบวนรถไฟเป็นขบวนแรก เที่ยวพิเศษ ขบวน 971 เส้นทางต้นทางสถานีรถไฟรังสิต-ปลายทางอุบลราชธานี ออกเดินทางจากสถานีรังสิต วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น. โดยให้บริการโดยสารสำหรับผู้ป่วยที่แสดงความประสงค์กลับไปเข้ารับการรักษาอาการที่ 7 จังหวัดภูมิลำเนา จำนวน 137 คน (มีอาการระดับเขียว-เหลือง) โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน 3 ขั้นตอน ดังนี้

1) ผู้ป่วยฯ แจ้งความประสงค์ผ่านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และแสดงความประสงค์ผ่านระบบ Call Center จังหวัดภูมิลำเนา และได้รับการดูแล คัดกรอง ตรวจสอบสภาพความพร้อม และอาการเบื้องต้นจาก สพฉ. ซึ่งจะเป็นหน่วยงานในการดูแลผู้ป่วยจากที่พักมายังสถานีต้นทาง และดูแลอาการ สุขอนามัย ตามมาตรฐานด้านการสาธารณสุขอย่างเข้มงวดตลอดการเดินทาง

2) รฟท. ดูแลเรื่องการเดินขบวนรถไฟ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง จนถึงจังหวัดปลายทาง


3) ผู้ว่าราชการจังหวัดภูมิลำเนา และหน่วยบริการสาธารณสุข หน่วยทหาร และขนส่งจังหวัด ร่วมในการรับ-ส่งผู้ป่วยจากสถานีรถไฟจังหวัดปลายทาง ไปยังสถานพยาบาลที่จังหวัดจัดเตรียมไว้ให้

กระทรวงคมนาคม เร่งประสานกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าพาผู้ป่วยโควิด-19 กลับบ้านเกิด 7 จังหวัดอีสานใต้ ตามการดำเนินงาน 3 ขั้นตอน หากพบมีปริมาณความต้องการเดินทางของผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก กระทรวงคมนาคมพร้อมเสริมทัพจัดระบบ ขนส่งทางบก-ทางราง โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่และใกล้ชิดต่อไป โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินรถไฟขบวนพิเศษ เพื่อจัดส่งผู้ป่วยฯ ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ไปยังจังหวัดภูมิลำเนา 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เพื่อเข้ารับการรักษา จะได้รับโอกาสเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์อย่างทันท่วงที และนำความปลอดภัยมาสู่ประชาชนที่ได้รับเชื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมสรุปทั้งในส่วนของขั้นตอนการประสานจัดส่งผู้ป่วย ความพร้อมของทั้งส่วนกลาง กับจังหวัดปลายทาง ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยมีความพร้อมดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะใน 7 จังหวัด มีความพร้อมทั้งในส่วนจุดรับเมื่อผู้ป่วยถึงจังหวัด ขั้นตอนการคัดกรอง และพื้นที่ให้การรักษาผู้ป่วย ทั้งส่วนที่เป็นศูนย์พักคอย โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ขณะนี้มีความพร้อมที่จะรับส่งผู้ป่วยแล้ว โดยหน่วยงานภายใต้กระทรวงฯ ได้แก่ บริษัท ขนส่ง จำกัด กรมขนส่งทางบก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้จัดขบวนรถ รวมถึงออกแบบเส้นทางการขนส่ง การอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่ที่จะให้บริการ มีความรู้ความเข้าใจในข้อปฏิบัติ เพื่อให้การขนส่งผู้โดยสารเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข ซึ่งหน่วยงานแรกที่จะเริ่มส่งผู้ป่วยได้ คือ รฟท. โดยมีการเตรียมแผนที่ให้บริการรถไฟสายอีสานใต้ ผ่านนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เริ่มให้ส่งผู้ป่วยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (27 ก.ค.64) เป็นต้นไป

“ในส่วนของกระบวนการรับและส่งผู้โดยสารโดยหน่วยงานของคมนาคม ได้สั่งการย้ำว่า ทุกขบวนจะต้องเป็นขบวนพิเศษ ทั้งกรณีรถของ บขส. หรือรถไฟ ทั้งพื้นที่และเวลาการขนส่งผู้ป่วยจะต้องแยกกับผู้โดยสารทั่วไป เพราะประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด คือ ความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยหากจังหวัดอื่นๆ มีการประสานเข้ามา กระทรวงคมนาคม พร้อมจะสนับสนุนการเดินทางกลับภูมิลำเนาของผู้ป่วยโควิด-19 ภายใต้โมเดลเดียวกันกับ 7 จังหวัดนี้” นายศักดิ์สยาม กล่าว

รมว.คมนาคม กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า การส่งผู้ป่วยจะดำเนินไปอย่างรัดกุม การจัดส่งผู้ป่วยของหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม จะดำเนินการโดยประสานข้อมูลร่วมกันกับ 3 หน่วยงานหลัก คือ สปสช. สพฉ. และจังหวัด เพื่อให้การจัดส่งมีความปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยตามขั้นตอนผู้ป่วยจะต้องติดต่อผ่านสายด่วน สปสช. 1330 หรือติดต่อแจ้งความประสงค์กับแต่ละจังหวัด จากนั้นแต่ละจังหวัดจะรวบรวมรายชื่อ จำนวนผู้ป่วย จำนวนเตียงที่ว่าง แล้วแจ้งยอดต่อ สพฉ. จากนั้น สพฉ.จะแจ้งยอดผู้ป่วยให้แก่กระทรวงคมนาคม เพื่อจัดขบวนรถและจัดเส้นทางการขนส่ง พร้อมประสานวัน เวลา เพื่อเข้ารับตัวผู้ป่วยจากที่พักอาศัย โดยจะไม่มีกรณีผู้ป่วยเดินทางมา ณ จุดขึ้นรถเอง

นอกจากนี้ ระหว่างการส่งผู้ป่วยโดยรถขบวนพิเศษนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ทั้งด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตรวจ ไปกับขบวนรถ เพื่อดูแลผู้ป่วยและความเรียบร้อยในขบวนรถ มีการแยกกลุ่มผู้ป่วยที่ชัดเจน เช่น กรณีของ รฟท. จะมีการแยกโบกี้ระหว่างผู้ป่วยกลุ่มยืนยันด้วยผลตรวจ RT-PCR positive กับกลุ่มผลตรวจ ATK positive เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้มีผลตรวจ ATK positive คลาดเคลื่อนมาปะปนกับผู้ที่ผลตรวจชัดเจนแล้ว และก่อนออกเดินทาง สพฉ.จะมีการประเมินอาการของผู้ป่วยทุกรายก่อนให้ออกเดินทาง ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเอง

“ขอย้ำกับผู้ป่วยที่ประสงค์จะเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนาทุกคนว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนการเดินทางเต็มที่ ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยผ่านระบบของทางการ อย่าเดินทางกลับเอง เพื่อเป็นการดูแลทั้งตัวท่านเองและประชาชนท่านอื่น หากประสงค์กลับบ้านให้ติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเข้าสู่ระบบการจัดส่งผู้ป่วย โดยทั้งหมดภาครัฐให้การสนับสนุนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย” นายศักดิ์สยาม กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย