กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – กรมการปกครอง ย้ำเมื่อ “โค้ชเช” ยื่นขอสัญชาติไทย พร้อมดำเนินการทันที
นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ย้ำว่า หลังจากได้รับเอกสารการขอแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยของ “โค้ชเช” หรือ ชเว ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย อย่างครบถ้วน อาทิ หลักฐานการพักอาศัยอยู่ในเมืองไทย หลักฐานการเสียภาษี ใบอนุญาตทำงาน หนังสือสละสัญชาติของโค้ชเช กระทรวงมหาดไทยจะเร่งพิจารณาเอกสารทันทีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเร็วที่สุด เนื่องจากโค้ชเช เป็นบุคคลที่ทำคุณความดีให้กับประเทศไทย ซึ่งตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 กำหนดว่า คุณสมบัติของผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นไทยต้องเลือกถือสัญชาติเดียว และมีคุณสมบัติ ดังนี้
- บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ ตามมาตรา 10 (1)
- มีความประพฤติดี ตามมาตรา 10 (2) ผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พฤติการณ์ทางการเมือง ยาเสพติด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- มีอาชีพเป็นหลักฐาน ตามมาตรการ 10 (3) มีใบอนุญาตทำงาน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 80,000 บาท/เดือน โดยแสดงหนังสือรับรองเงินเดือนหรือรายได้ มีหลักฐานการเสียภาษีแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ในรอบปีก่อนปีที่ยื่นคำขอ
- กรณีทำความดีความชอบเป็นพิเศษต่อประเทศไทย หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่ทางราชการ ตามมาตรา 11 (1) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 ได้รับการยกเว้นคุณสมบัติของผู้ขอแปลงสัญชาติ ตามมาตรา 10 (4) ในเรื่องการมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอ 5 ปี (มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว) และตามมาตรา 10 (5) มีความรู้ภาษาไทย โดยพูดภาษาไทยและฟังภาษาไทยเข้าใจได้
ทั้งนี้ ตามมาตรา 19 (2) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 ยังบัญญัติว่า รัฐมนตรีมีอำนาจถอนสัญชาติไทยแก่ผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ เมื่อปรากฏว่า มีหลักฐานแสดงว่าผู้แปลงสัญชาตินั้นยังใช้สัญชาติเดิม โค้ชเชจึงต้องแสดงเจตนาสละสัญชาติเกาหลีใต้ ก่อนยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย. – สำนักข่าวไทย