กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – “นิพนธ์” เตือนการระบายมวลน้ำขนาดใหญ่จากจีนและลาว ส่งผลกระทบประชาชน 8 จังหวัดริมโขง สั่ง ปภ. ผู้ว่าฯ เตรียมการรับมือ พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ “พายุเจิมปากา”
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากที่มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดเหตุเขื่อน 2 แห่งแตก ในเมืองฮูหลุนเป้ยเอ่อร์ ในเขตปกครองตนเองมองโกเลีย ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบกับเกิดฝน 1,000 ปี ตกหนักอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในมณฑลเหอหนาน จนต้องมีประกาศเตือนเขื่อนอี้เหอถาน เขื่อนอีกแห่งในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน อาจพังถล่มได้ตลอดเวลา ทำให้ประเทศทางตอนใต้ลงมา อย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศไทย ต้องมีการเตรียมการรับมือและเฝ้าระวังสถานการณ์การระบายมวลน้ำใหญ่จากพื้นที่ตอนบนอย่างใกล้ชิด ซึ่งในส่วนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขณะนี้ก็มีประกาศให้เขื่อนน้ำอู ทำการปล่อยระบายน้ำ 1,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และอีกแห่ง คือ เขื่อนไซยะบุรี ก็ได้มีการเร่งระบายน้ำมากขึ้น เพื่อรองรับมวลน้ำใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้
จากสถานการณ์ดังกล่าว รมช.มท.ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ริมแม่น้ำโขงทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.เลย จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.นครพนม จ.มุกดาหาร จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี ได้เตรียมการรับมือและแจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำโขง ให้เฝ้าระวังและเตรียมการอพยพทันที หากเกิดความรุนแรง เนื่องจากปริมาณน้ำนั้นมีมวลขนาดใหญ่มาก และอาจต้องใช้ระยะเวลาหลายวันกว่าการระบายน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ ประกอบกับสถานการณ์พายุดีเปรสชัน “เจิมปากา” ที่กำลังปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทําให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ทําให้เกิดลมกระโชกแรง น้ำไหลหลาก และดินสไลด์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ประชาชนอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยในช่วงฤดูฝน ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างครอบคลุม เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัย ติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเตรียมพร้อมอุปกรณ์ เครื่องจักรกล และยานพาหนะ กำหนดพื้นที่ปลอดภัย ศูนย์อพยพ ศูนย์พักพิงชั่วคราว ให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้ รมช.มท. ยังได้มอบแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งในเชิงป้องกันปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ และกักเก็บน้ำไว้ในฤดูแล้งปีหน้า โดยขอให้มีการประสานงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ หาแนวทางวางแผนร่วมกัน “สร้างที่ให้น้ำอยู่ และทำทางให้น้ำไหล” โดยสำรวจแหล่งกักเก็บน้ำในชุมชน หมู่บ้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ โดยเร่งขุดลอกเส้นทางน้ำ กำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณะ ที่กีดขวางทางระบายน้ำไม่ให้ตื้นเขิน เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และรองรับน้ำฝนที่มีปริมาณมาก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบอุทกภัยและภัยแล้ง รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของแหล่งกักเก็บน้ำแก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งสถานการณ์โดยรวมยังคงต้องเฝ้าติดสถานการณ์พายุอย่างใกล้ชิด
อนึ่ง จากสถานการณ์พายุดีเปรสชัน “เจิมปากา” ที่มีอิทธิพลในขณะนี้ มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบแล้ว 8 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เลย กาฬสินธุ์ ยโสธร ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด ปัตตานี รวม 10 อำเภอ 15 ตำบล 35 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 77 ครัวเรือน และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต. – สำนักข่าวไทย