กรุงเทพฯ 25 ก.ค. – โฆษกรัฐบาล ขอกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง สร้างบรรยากาศที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย ภายใต้โครงการ Phuket Sandbox
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มคณะราษฎรภูเก็ต และกลุ่มภูเก็ตปลดแอก จัดชุมนุมขบวนคาร์ม็อบ ที่ จ.ภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต อีกทั้งได้มีเหตุเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมและประชาชนในพื้นที่ภูเก็ตด้วย โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ให้กับแพทย์และพยาบาลนั้น ในเรื่องนี้ นายอนุชา กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงยืนยันแล้วว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามาในเดือน ก.ค.นี้ จะนำมาใช้เพื่อฉีดกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรกอยู่แล้ว โดยเบื้องต้นเตรียมฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่น้อยกว่า 500,000 คน นอกจากนี้ วัคซีนไฟเซอร์จะกระจายไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง โดยจะมีคณะทำงานจากทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาดำเนินการจัดสรรวัคซีนในลอตนี้อย่างเป็นระบบ พร้อมยืนยันว่าไม่มีการบังคับฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 เป็นแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ในบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมในเรื่องการนำเข้าวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพและหลากหลายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันนั้น นายอนุชา ยืนยันว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามกับผู้แทนบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ไบออนเทค ในการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA จำนวน 20 ล้านโดส ซึ่งจะมีการจัดส่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564
และการทำข้อตกลงเพื่อจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้ จะทำให้ไทยมีวัคซีนโควิด-19 กระจายให้ประชาชนเกือบครบทุกชนิด ทั้งในส่วนของ mRNA ของไฟเซอร์และโมเดอร์นา, ชนิดเชื้อตาย ของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม, ชนิดไวรัลเวกเตอร์ ของแอสตราเซเนกา และล่าสุดองค์การเภสัชกรรม อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต ซึ่งคาดว่าจะนำเข้ามาเพื่อฉีดให้กับประชาชนได้ในช่วงต้นปี 2565 และจะทำให้ไทยมีวัคซีนโควิด-19 หลากหลายเทคโนโลยีที่มีการผลิตอยู่ในปัจจุบัน
นายอนุชา กล่าวอีกว่า จากที่รัฐบาลได้เดินหน้า Phuket Sandbox เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64 เป็นต้นมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตเกือบ 10,000 คนแล้ว โดยเดินทางเข้ามาทางเครื่องบินมากกว่า 100 เที่ยวบิน และทราบว่าหลายสายการบินได้แจ้งความประสงค์ที่จะขยายความถี่ของเที่ยวบินต่อสัปดาห์ให้มากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของ จ.ภูเก็ต ก็ยังสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมอีกที่ จ.กระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์ และที่ จ.พังงา ได้แก่ เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่าง จ.ภูเก็ต และพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
“บรรยากาศการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต เริ่มจะดีขึ้น มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเลือกที่จะเข้ามาเที่ยวภูเก็ตมากขึ้น ประชาชนและนักธุรกิจในพื้นที่เริ่มเห็นโอกาสของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงขอความร่วมมือทุกฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มที่เห็นต่างทางการเมือง ได้โปรดให้ความร่วมมือช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่สำคัญในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาวภูเก็ต ควบคู่ไปกับการให้ความร่วมมือในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของ จ.ภูเก็ต อย่างเคร่งครัดด้วย” นายอนุชา กล่าว. – สำนักข่าวไทย
