กทม. 24 ก.ค.-ผอ.รมน. กำชับ กอ.รมน. ร่วมประสานงานกับเหล่าทัพดูแลผู้ป่วยโควิด – 19 บริการครบวงจร one stop service พร้อมเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนนำเข้าสู่ศูนย์พักคอยของกองทัพ
พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ได้แถลงว่าตามที่รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิค – 19 ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ก.ค.ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการประเมินของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆได้รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดอื่นๆในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสโควิด – 19 สายพันธุ์ใหม่มีการแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว กอรปกับยังมีการเดินทางสัญจรของประชาชนจึงเป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ทำให้เกิดความต้องการในการตรวจค้นหาเชื้อโควิด – 19 อยู่ในอัตราที่สูง และมีความแออัดตามสถานที่และโรงพยาบาลที่จัดให้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้อโควิด – 19 ปัจจุบันทางรัฐบาลได้มีการเพิ่มมาตรการการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดยใช้ชุดทดสอบแบบ Antigen Test Kit เพื่อเพิ่มช่องทางตรวจค้นหาแยกผู้ติดเชื้อไม่ให้เป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น
จากการดำเนินการดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน. ได้สั่งการเร่งด่วนให้ กอ.รมน. ร่วมประสานงานพร้อมบูรณาการประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ของเหล่าทัพสนับสนุนทีมป้องกันและแก้ไขเชิงรุกในชุมชน Comprehensive Covid – 19 Response Team (CCRT) ในการลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆใน ๕๐ เขต ของกรุงเทพฯ ดำเนินการสำรวจชุมชน (ผู้ป่วยโควิด ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ๗ กลุ่มโรคหญิงตั้งครรภ์) เพื่อทำการตรวจคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด – 19 ในชุมชนด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit และให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นกับผู้ป่วยสีเขียว ก่อนส่งต่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลโดยการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทลายโจร และให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวในระบบการแยกกักที่บ้าน (HI : Home Isolation) – ระบบแยกกักในชุมชน (CI : Community Isolation) บริการฉีดวัคซีนกับกลุ่มเสี่ยงพร้อมกับการสื่อสารทำความเข้าใจให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับช่องทางในการเข้ารับการรักษา โดยในขั้นต้นผู้ป่วยที่อยู่ในระดับสีเขียวสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่ศูนย์พักคอยผู้ป่วย ตามนโยบายของ นรม./ผอ.รมน. ที่สั่งการให้เหล่าทัพปรับปรุงพื้นที่ของสโมสรหรืออาคารอเนกประสงค์จัดเตรียมให้เป็นศูนย์คัดกรองและสถานที่พักคอยของผู้ป่วยก่อนที่จะส่งเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลสนามหรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขตามพื้นที่ต่างๆต่อไป หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด – 19 ทบ. Call Center : 02-270-5685-9 และสายด่วนความมั่นคง 1374 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นรม./ผอ.รมน. ได้สั่งการ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ร่วมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งด่านตรวจเข้มแข็ง บนเส้นทางหลัก/รอง โดยรอบพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง ๑๓ จังหวัด ตลอด ๒๔ ชั่วโมง พร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม สร้างความตระหนัก และการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้รับทราบถึงความจำเป็นของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิค – 19 ฉบับที่ ๒๘ ที่มุ่งลดการเดินทางและห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา ๒๑๐๐ -๐๔๐๐ ของวันรุ่งขึ้น มาตรการปิดสถานที่การจัดกิจการและกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด การขยายเวลาปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) ๑๐๐% และขอให้ทุกคนยังคงใช้มาตรการป้องกันตนเอง (D-M-H-T-T-A) อย่างเคร่งครัด ได้แก่ D : Distancing เว้นระยะระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M : Mask wearing สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand washing ล้างมือบ่อยๆ จัดให้มีจุดบริการ เจลล้างมืออย่างทั่วถึงเพียงพอ T : Temperature ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ เพื่อคัดกรองผู้ใช้บริการที่อาจไม่สบาย T : Testing ตรวจหาเชื้อโควิด 19 และ A : Application ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” และ “หมอชนะ” .-สำนักข่าวไทย