แนะรับฟังประชาชน ตามหลักประชาธิปไตย ไม่ใช่ไล่ฟ้อง

อสมท . 23 ก.ค. – นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ระบุ กระแสคนดัง Call Out รัฐบาล ควรเปิดพื้นที่สาธารณะรับฟังประชาชน ตามหลักประชาธิปไตย ไม่ใช่การไล่ฟ้องร้องดำเนินคดี ชี้ควรให้ข้อมูลข้อเท็จจริงสร้างความเข้าใจหักล้างเฟคนิวส์ หวั่นพัฒนาความขัดแย้ง


นายยุทธพร อิสรชัย อาจาร์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกรณีดารา นักแสดง นักร้องและผู้มีชื่อเสียงออกมาแสดงความเห็นวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาโควิด 19 หรือ CALL OUT ว่า การแสดงออกทางการเมืองโดยเฉพาะเรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็นในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ปกติ  ซึ่งตามหลักรัฐศาสตร์หรือทางกฎหมายมหาชนถือว่าเป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามหลักนิติธรรม ดังนั้นในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญจะมีการรับรองเรื่องสิทธิเสรีภาพ และสังคมที่เป็นประชาธิปไตยที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคือผู้ที่ใช้อำนาจสาธารณะแทนมหาชน เฉะนั้นการจะถูดวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบของประชาชนถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการมาไล่ฟ้อง ไม่ว่าจะบอกว่าเป็นตัวแทนรัฐบาล มีความใกล้ชิด  หรือถูกปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลก็ตาม ตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมที่ควรเคารพเสรีภาพซึ่งกันและกัน

นายยุทธพร กล่าวอีกว่า เรื่องการวิพากวิจารณ์รัฐบาลหรือกระทบกับข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลข้อเท็จจริงก็มีเส้นแบ่งการพิจารณา 2 ส่วน คือ ส่วนบุคคล ที่ถือเป็นสิทธิสามารถฟ้องร้องได้ทางศาลได้ แต่ในทางสถานะยังเป็นเรื่องการใช้อำนาจสาธารณะ ทั้งการบริหารงาน การดำเนินนโยบายต่างๆอันนี้ไม่ใช่ความเสียหายส่วนบุคคล  ดังนั้นเส้นแบ่งตรงนี้ที่จะชี้ให้เห็นว่า ตรงไหนคือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  เรื่องไหนเป็นสิ่งที่ควรจะได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้นหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการบริหารงานของรัฐบาลในสถานการณ์โควิด-19 หรือ การบริหารงานด้านเศรษฐกิจ การเมืองของรัฐบาล ถือเป็นสิทธิของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้และได้รับการคุ้มครองด้วย  ทั้งนี้ในประเทศไทยจะมองในลักษณะเอารัฐเป็นตัวตั้ง หรือรัฐล้อมสังคม เพราะฉะนั้นรัฐจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของความมั่นคงมากกว่าการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน หากย้อนกลับไปในอดีตก็จะเห็นว่ามีการควบคุมการใช้สื่อ จนปัจจุบันก็มีการกำกับเรื่องสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆเข้ามา ตั้งแต่การร่างกฎหมายคอมพิวเตอร์2550-2560 และรัฐยังมีการตั้งศูนย์เฟคนิวส์ หรือแนวคิดว่าสุดที่จะให้ลงทะเบียนสำหรับผู้จะใช้สื่อออนไลน์ในอนาคต สิ่งเหล่านี้เป็นการมองแบบเอารัฐเป็นตัวตั้ง  ซึ่งขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตยที่ต้องเอาสังคมเป็นตัวตั้ง หรือมุ่งคุมครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่าการให้ความสำคัญกับการความมั่นคงของรัฐเท่านั้น


นายยุทธพร ยังกล่าวว่า การบริหารงานในภาวะวิกฤตจะเห็นได้ว่ากระบวนการที่จะสร้างประสิทธิภาพทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตอนนี้เรากำลังเผชิญกับปัญหาที่ยังไม่มีทางออกและยังเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต จนเกิดสิ่งที่เป็นวิกฤตจากฝีมือมนุษย์ เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องการระบาดแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการที่ยังไม่ดีนักจึงเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ดังนั้นในภาวะแบบนี้สิ่งที่ต้องทำคือการเร่งแก้ปัญหา และต้องเปิดพื้นที่ในการมีส่วนร่วม หรือการแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ในมุมคิดที่ต่างจากรัฐมอง นี่คือสิ่งที่รัฐต้องทำไม่ใช่เรื่องการมาไล่จับคน หรือใช้อำนาจรัฐในการปิดกั้นกดทับ รัฐต้องเปิดมุมมองเชิงสร้างสรรค์มากขึ้นที่จะใช้คนได้แสดงความคิดเห็น  เพราะมีเส้นแบ่งอยู่แล้ว ว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล หรือเรื่องไหนเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเรื่องสาธารณะ ถ้าเป็นเรื่องส่วนบุคคลแน่นอนว่าทุกคนมีสิทธิแต่บุคคลนั้นจะเป็นคนที่อยุ่ในอำนาจรัฐ เป็นนักการเมือง เป็นประชาชนทั่วไปทุกคนมีสิทธิคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ส่วนการใช้อำนาจสาธารณะสิ่งนี้ต้องเปิดกว้างในฐานะที่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาให้เป้นตัวแทนของประชาชนในการใช้อำนาจสาธารณะก็เป็นสิทธิที่ประชาชนจะแสดงความคิดเห็น ในทางกลับกันรัฐต้องมองย้อนกลับมาด้วยว่า อะไรที่ทำให้เกิดการวิพากวิจารณ์ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ การสื่อสารทางการเมืองในภาวะวิกฤตที่ทำให้เกิดข้อมูลความสับสนกับประชาชน  ดังนั้นการสื่อสารกับประชาชนในภาวะวิกฤต  และประชาชนมีทางเลือกในการรับข้อมูลข่าวสาร ซึ่งก็มีข้อมูลทั้งที่เป็นข่าวจริง และข้อมูลข่าวปลอมก็มี ซึ่งเป็นไปที่ประชาชนจะเข้าใจผิด และอาจนำข้อมูลที่เป็นข่าวปลอมมาวิพากวิจารณ์ได้

“หน้าที่ของรัฐจึงไม่ใช่การติดตาม ตรวจสอบดำเนินคดีกับประชาชน แต่ต้องชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงให้ประจักษ์  เพราะหากข้อมูลที่ออกมาจากรัฐที่ไม่เหมือนกันจึงทำให้เกิดปัญหา รัฐจึงต้องทำข้อมูลให้ปรากฎเพื่อนำไปต่อสู่กับข่าวปลอมต่างๆ ไม่ใช่เรื่องการใช้กฎหมายไปตรวจสอบ หากยังมีการเดินหน้าดำเนินการลักษณะนี้อยู่จะเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากว่า จะมีการพัฒนาเรื่องความขัดแย้งเกิดขึ้น มีการขัดแย้งเชิงขั้วอุดมการณ์ และยังมีความขัดแย้งที่เกิดจากความเดือดร้อนของประชาชนจะกลายเป็นความขัดแย้งที่ไร้ขั้วอุดมการณ์ ถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้รัฐบาลจะไร้ความชอบธรรมในการบริหาร”นายยุทธพร กล่าว นายยุทธพร กล่าวอีกว่า รัฐในสังคมประชาธิปไตย ต้องให้ความสำคัญกับความมั่นคงของมนุษย์ มากกว่าความมั่นคงของรัฐ  ดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องทำวันนี้จึงเป็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ เช่น การจัดหาวัคซีนที่ดีมีคุณภาพ การมีระบบสาธารณสุขที่เข้าถึงได้ การเร่งแก้ปัญหาเยียวยาเศรษฐกิจเพื่อการดำรงชีพของประชาชน ไม่ใช่การให้ความมั่นคงกับรัฐเช่นการดำเนินคดีความเพื่อปกป้องรัฐเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย