จี้ นายกฯ รับฟังเสียง ปชช.-ภาคธุรกิจ

เพื่อไทย 22 ก.ค.- เพื่อไทย จี้ นายกฯ รับฟังเสียงประชาชน-ภาคธุรกิจ ชี้ บริหารโดยขาดความรู้ความสามารถ จะยิ่งล้มเหลว แนะเร่งกระจายฉีดวัคซีนในจุดที่สร้างรายได้


นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และอดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีสื่อหลักญี่ปุ่น นิเคอิ เอเชีย ได้ปรับลดอันดับประเทศไทยลงจากอันดับ 118 มาอยู่ที่อันดับ 119 จาก 120 อันดับของประเทศที่ฟื้นตัวช้าสุดหลังวิกฤตโควิด แสดงว่าไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่จะฟื้นตัวจากโควิดช้าที่สุดในโลก สอดคล้องกับที่ธนาคารโลกประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 1.2% และ ปีหน้าจะขยายได้เพียง 2.1%  ขณะที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้ออกมายอมรับผิดที่จัดหาวัคซีนผิดพลาด และกำลังพิจารณานำไทยเข้าร่วม COVAX ซึ่งมองว่าเป็นการออกมารับผิดชอบแทนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่รับปากเรื่องวัคซีนเป็นมั่นเหมาะ ถือเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีได้ชัดเจนมากขึ้น

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ที่น่าห่วงคือสถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจก็จะยิ่งทรุดหนักลง โดยไม่มีวี่แววว่าจะหาทางแก้ไขได้ ทุกวันนี้เหมือนกับจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม มีคนไทยนอนเสียชีวิตคาถนนหลายรายภายในวันเดียว เป็นการวางแผนที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี ถึงเวลาที่จะต้องกลับมาทบทวนความผิดพลาดและศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน โดยเฉพาะความสามารถทางเศรษฐกิจที่ต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้นเพื่อรับรู้ข้อมูลและปรึกษาผู้รู้จริงเพื่อแก้ปัญหา


“สิ่งสำคัญและจำเป็นที่สุดในตอนนี้คือ พลเอกประยุทธ์ ต้องหัดรับฟังเสียงของประชาชนและต้องฟังเสียงเรียกร้องจากภาคธุรกิจ รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อเสนอแนะ ซึ่งเมื่อฟังแล้วก็ต้องนำไปพิจารณาแก้ไข เพราะคนที่ลำบากที่สุดในขณะนี้คือ ประชาชน และภาคธุรกิจ ที่ต้องทนแบกภาระมากว่าปีแล้ว โครงการและนโยบายต่างๆ น่าจะต้องเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนให้ธุรกิจอยู่รอด ไม่ใช่ไปซ้ำเติมหรือไปเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ เช่น โครงการ คนละครึ่ง ที่รัฐกลับใช้เป็นฐานข้อมูลในการเรียกเก็บภาษีกับร้านค้า ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกที่ถูกเวลา หากเป็นสถานการณ์ปกติ ในช่วงที่ผู้ประกอบการมีกำไร การเรียกเก็บภาษีถือเป็นเรื่องปกติที่ทำได้ แต่ในภาวะวิกฤตขณะนี้ การเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกับร้านค้าที่เข้าโครงการคนละครึ่ง กลับเป็นเหมือนการซ้ำเติมผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่แบกปัญหากันหนักมากอยู่แล้ว ซึ่งไม่รู้ว่ารัฐบาลใช้อะไรคิด ถึงได้ซ้ำเติมผู้ประกอบการแบบนี้” นายกฤษฎา กล่าว

นายกฤษฎา กล่าวว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเปิดให้ประชาชนสั่งซื้ออาหารในห้างได้โดยมีจุดรับส่ง เพื่อช่วยทั้งประชาชน และร้านอาหาร เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีการล็อกดาวน์นี้อีกนานแค่ไหน  โดยในวันนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย เตรียมยื่น 4 ข้อเสนอ ในการช่วยเหลือ SMEs ให้อยู่รอด

“ในภาวะเช่นนี้ ทุกธุรกิจประสบปัญหากันหมด นายกฯ จะต้องศึกษา จัดลำดับความสำคัญ และหาทางแก้ไขให้เข้ากับพื้นที่ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ประกอบการขนส่งชายแดน ที่จำเป็นต้องส่งสินค้าข้ามแดน มีปัญหาเรื่องที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และต้องตรวจไวรัสโควิดทุกครั้ง ค่าใช้จ่ายในการตรวจแต่ละครั้งประมาณ 3,000 บาท ถ้าต้องขน 10 คัน ก็ต้องจ่าย 30,000 บาท และการตรวจแต่ละครั้งใช้ได้แค่ 7 วันเท่านั้น และการขนส่งสามารถทำได้แค่ 1 รอบเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนที่สูงมาก ดังนั้นอยากให้รัฐบาลพิจารณาขยายเวลาเป็น 14 วันได้หรือไม่ เพื่อช่วยธุรกิจที่ยังพอทำมาค้าขายได้ และช่วยสนับสนุนให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดชายแดนได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบ เพราะธุรกิจเหล่านี้ ยังสามารถสร้างรายได้ และเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจของไทยได้” นายกฤษฎา กล่าว


นายกฤษฎา กล่าวว่า ไทยได้เริ่มทำ Sandbox ในแต่ละจุด ทั้งที่จังหวัดภูเก็ตหรือที่เกาะสมุย ดังนั้นจึงควรพิจารณาทำ Sandbox ในจังหวัดชายแดนต่างๆ ด้วย ตามความพร้อม เพื่ออนุญาตให้ประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว สามารถเดินทางข้ามประเทศเข้ามาได้ เป็นการส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  เช่น การเปิดแซนด์บอกซ์ที่หนองคายจะช่วยส่งเสริมธุรกิจและเพิ่มการค้าขายได้อย่างมากเนื่องจากมีชาวลาวเข้ามาจับจ่ายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ อยากให้นายกรัฐมนตรี ทำความเข้าใจและเข้าถึงปัญหาของภาคธุรกิจในแต่ละพื้นที่ ก่อนที่ปัญหาเศรษฐกิจจะยิ่งบานปลายไปมากกว่านี้ “ในการฟื้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด ผู้นำจะต้องมีความรู้ความสามารถและจะต้องมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควรทำก่อนและหลัง อะไรที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศ หากผู้นำขาดทักษะในเรื่องนี้เศรษฐกิจไทยคงจะฟื้นได้ยาก และพลเอกประยุทธ์น่าจะรู้ดีถึงข้อจำกัดของตัวเองในเรื่องนี้ และไม่ควรจะดื้อรั้นอีกต่อไป ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ประเทศมากยิ่งขึ้น”นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

เปิดปมสังหารยกครัว 4 ศพ แค้นชู้สาว

เปิดปมเหตุสลดฆ่ายกครัว 3 ศพ ก่อนผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเป็นศพที่ 4 ใน จ.สมุทรปราการ พบข้อมูลว่าความแค้นครั้งนี้มาจากเรื่องชู้สาว แต่ลูกชายของผู้ตายยังไม่เชื่อว่าแม่มีความสัมพันธ์กับมือปืน แต่ยอมรับมือปืนให้เงินแม่ใช้ทุกวัน

ศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” ชี้พฤติการณ์ร้ายเเรง

ทนายเผยศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” เพราะพฤติการณ์ร้ายเเรง เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งประกัน ด้าน “แม่สามารถ” วอนผู้มีอำนาจอย่าเอาความลูกชายตน ลั่นหลังจากนี้จะสู้เพื่อความยุติธรรม