กรุงเทพฯ 21 ก.ค.-“กนก” ห่วงติดเชื้อทะลุหมื่นต่อเนื่อง ระบบสธ.วิกฤติ แนะ 5 ข้อยึดความปลอดภัยปชช.สำคัญสุด ลดขั้นตอนระเบียบราชการ ให้การทำงานรวดเร็ว หวังรัฐบาลกล้ารับความผิดพลาด เท่าทันสถานการณ์ ฟื้นความเชื่อมั่น
นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยอดผู้ติดเชื้ทะลุหลักหมื่นต่อเนื่องว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงในตอนนี้คือ “ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด” เพราะตัวเลขจำนวนคนติดเชื้อไวรัสรายใหม่วันละกว่า 10,000 คน และจำนวนคนเสียชีวิตวันละประมาณ 100 คน จนถึงจำนวนผู้ป่วยที่อยู่ในระบบการรักษามากกว่า 120,000 คน เป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า“วิกฤติ” สำหรับคนไทยและประเทศไทยจึงเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยที่จะต้องช่วยกันแก้ไขวิกฤตินี้ อย่างน้อยที่สุดผ่านการเสนอความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เช่น จะแก้ไขการเพิ่มจํานวนคนติดเชื้อใหม่รายวันได้อย่างไร จะช่วยส่งคนป่วยกลับบ้านเกิดแทนการนอนรอเตียงในห้องเช่าในกรุงเทฯ และปริมณฑลได้อย่างไร จะสื่อสารกับรัฐบาลและกับประชาชนเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์กันอย่างไร เป็นต้น
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอแนวทางแก้ปัญหา 5 ประเด็น คือ 1.การแก้ไขปัญหาวิกฤติโควิด 19 จะต้องยึดเจตนารมณ์ร่วมกัน คือ“ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด” วันนี้เราเห็นข่าวทั้งคนรวยและคนจนล้วนต้องเสียชีวิตด้วยโรคไวรัสโควิด 19 เหมือนกัน แสดงว่าฐานะทางการเงินไม่สามารถประกันความปลอดภัยได้ เราเห็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา พี่น้อง ลูกหลานเจ็บป่วยนอนรอเตียงที่บ้านและเสียชีวิตในที่สุด แสดงว่าความเป็นญาติพี่น้องไม่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้และไม่สามารถช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ ภาพเหล่านี้ทำให้ตนคิดว่าเราทุกคนควรจะต้องร่วมมือกันเพื่อรักษา “ความปลอดภัยของประชาชนทุกคน” ด้วยการร่วมมือกันหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสด้วยกันกระทำของตัวเราเอง เราหยุดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ได้ เริ่มต้นที่ตัวเราเอง
“2. สำหรับนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น ถ้าเรายึดเจตนารมณ์ร่วมกันคือ“ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญสุด” การปฏิบัติหน้าที่ของท่านควรที่จะต้อง“ลดการชิงไหว ชิงพริบ”เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง ในอีกด้านหนึ่งไม่ควรนิ่งเฉยเพื่อรอให้คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำ ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคือประชาชนไม่ต้องการให้วิกฤติโควิด 19 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยสิ้นเชิง 3. ถึงข้าราชการประจำที่มีหน้าที่ทางวิชาชีพที่จะแก้ไขวิกฤติโควิด 19 และช่วยเหลือเยียวยาประชาชนขอให้ท่านก้าวข้ามกฎระเบียบที่ทำให้การช่วยเหลือประชาชนล่าช้า เช่น การตั้งโรงพยาบาลสนาม งบประมาณก็อนุมัติแล้ว แต่การจัดซื้อจัดจ้างต้องล่าช้าเพราะกระบวนการจัดซื้อตามระเบียบราชการ การไม่ร่วมมือกันระหว่างข้าราชการส่วนภูมิภาคกับข้าราชการส่วนท้องถิ่น เช่น สถานที่ตั้งโรงพยาบาลสนามตกลงกันไม่ได้ระหว่างนายอำเภอกับนายกอบจ. เป็นต้น ข้าราชการประจำควรให้ความปลอดภัยของประชาชนมาก่อนกฎระเบียบของทางราชการ” นายกนก กล่าว
นายกนก กล่าวว่า 4. การแก้ปัญหาวิกฤตินี้ตั้งแต่ระดับรัฐบาล จังหวัด จนถึงท้องถิ่น ต้องไม่วิ่งแก้ปัญหาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลสนามแล้ว จึงมารีบจัดระบบการรักษาตัวที่บ้าน เป็นต้น หัวใจของการบริหารจัดการวิกฤต คือ การคาดการณ์ล่วงหน้าว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร เราต้องเตรียมระบบและกลไกแก้ไขปัญหาล่วงหน้า เช่น เรามองเห็นการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสแล้ว การเตรียมจัดหาวัคซีนใหม่ที่จะรับกับไวรัสกลายพันธุ์ต้องเกิดขึ้น เป็นต้น และ 5. การบริหารจัดการกับวิกฤติการณ์ ไม่มีประเทศใดหรือผู้บริหารคนไหนที่ไม่ผิดพลาด เพราะไม่มีใครล่วงรู้สถานการณ์ล่วงหน้าได้หมด ที่สำคัญคือการยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และรีบวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนั้น จากนั้นรีบแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อลดหรือหยุดความเสียหายที่เกิดขึ้น
“เช่นกรณีผู้นำเยอรมันยอมรับข้อผิดพลาดเรื่องการเลือกวัคซีน และแก้ไขด้วยการเร่งจัดซื้อวัคซีนใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพต่อการสร้างภูมิคุ้มกันและมีผลข้างเคียงต่ำ เป็นต้น ความกล้าหาญที่จะยอมรับข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เมื่อผู้บริหารมี“ความจริงใจ”กับการแก้ไขปัญหาที่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ความจริงใจนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ผู้บริหารจะได้รับความเชื่อมั่นและร่วมมือจากประชาชนกลับมา เมื่อทบทวน 5 ประเด็นนี้ ทำให้ผมคิดถึงคำกล่าวหนึ่งของขงจื้อ ที่บอกว่า“คนดีจริงไม่ใช่คนที่ได้รับความชื่นชอบจากทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่คนดีจริงคือคนที่คนดีชื่นชอบ ส่วนคนไม่ดีต่อต้านต่างหาก ขอเชิญชวนคนดีจริงมาช่วยกันทำให้“ความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด”เป็นจริงในสังคมไทยของเราครับ” นายกนก กล่าว.-สำนักข่าวไทย