เตรียมยกระดับมาตรการคุมเข้ม หลังติดเชื้อยังสูง

ทำเนียบรัฐบาล 16 ก.ค.-ที่ประชุม ศบค. ประเมินสถานการณ์หลังล็อกดาวน์ 10 จังหวัด สถานการณ์ติดเชื้อยังสูง เตรียมยกระดับปิดกิจการบางอย่างเพิ่ม พร้อมเคาะปรับสูตรวัคซีนได้ เตือนประชาชนอย่าซื้ออุปกรณ์ตรวจโควิดทางออนไลน์หรือร้านสะดวกซื้อ


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.วันนี้ (16 ก.ค.) ประเมินสถานการณ์หลังการประกาศล็อกดาวน์ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไปแล้ว 5 วัน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ แต่ยังพบการกระทำผิดคือออกนอกเคหสถานหลังเวลา 21.00 น. จำนวน 158 ราย และความผิดในลักษณะการรวมกลุ่มมั่วสุม 59 ราย ทำให้ได้ข้อสรุปว่าอาจจำเป็นต้องปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น และอาจจำเป็นต้องปิดกิจการบางอย่างให้มากขึ้น ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศที่จะออกมาต่อไป

“ที่ผ่านมาเราปิดในพื้นที่ 10 จังหวัด เพราะต้องการให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด แต่เมื่อประเมิน 5 วัน พบว่าสถานการณ์ยังน่าห่วง ท่าน ผอ. ศบค.จึงให้ทบทวนและเสนอกลับมาเร่งด่วนว่าจะต้องมีมาตรการเข้มข้นขึ้นอย่างไร” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จะตรวจหาเชื้อให้ครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง เมื่อตรวจแล้วผลเป็นบวก ขอให้ประชาชนไปติดต่อกับสาธารณสุขใกล้บ้าน จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลประเมินอาการเบื้องต้น หากอาการอยู่ในระดับสีเขียวจะให้กักตัวอยู่ที่บ้าน หรือ home isolation แต่หากติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจะจัดสถานที่พักคอยในชุมชน หรือ community isolation เพื่อลดการแพร่เชื้อในชุมชน ทั้งนี้ เพื่อสงวนเตียงให้กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในระดับสีเหลืองและสีแดง อย่างไรก็ตาม หากตรวจแล้วผลเป็นลบ แต่มีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูงหรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง จะต้องตรวจซ้ำในวันที่ 3 หรือวันที่ 5 หลังจากตรวจครั้งแรกไปแล้ว

“สำหรับอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อ covid 19 เบื้องต้น (antigen test kit) ถือเป็นอุปกรณ์การแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้ประชาชนไปตรวจเฉพาะโรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือสามารถซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ได้ที่ร้านขายยาที่มีเภสัชกรดูแลร้าน และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง แต่ไม่อนุญาตให้ขายในร้านสะดวกซื้อ หรือซื้อผ่านออนไลน์ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะต้องได้รับการตรวจมาตรฐาน” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เป็นโรงงาน สถานประกอบการที่มีบุคลากรจำนวนมาก สนใจนำอุปกรณ์เหล่านี้ไปตรวจหาเชื้อในพนักงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงว่าสถานประกอบการที่มีบุคลากรเกิน 50 คนขึ้นไป โดยกฎหมายจะมีสถานพยาบาล จึงเห็นว่าในส่วนของโรงงานน่าจะให้สถานพยาบาลของสถานประกอบการนั้นรับไปดำเนินการได้


ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนผู้ป่วยที่เข้าสู่ระบบกับตัวเองที่บ้าน หรือ home isolation อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า ผู้ป่วยจะได้รับอุปกรณ์ให้วัดอุณหภูมิตรวจวัดออกซิเจน และมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปพูดคุย ประเมินอาการ รวมทั้งจัดเครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร และอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นมาตรฐานและปลอดภัย ซึ่งจะเป็นผู้ป่วยที่มีอาการในระดับสีเขียว คือไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับ community isolation จะใช้ในกรณีติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในชุมชนหรือโรงงาน หากมีพื้นที่แยกกักได้เองขนาดเล็กไม่เกิน 200 เตียง โดยส่วนของ กทม. จะมีศูนย์พักคอยรอการส่งต่อ 21 ศูนย์ รองรับผู้ป่วยได้ 2,950 เตียง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเน้นย้ำว่าก่อนส่งผู้ป่วยจะต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี rt-pcr ก่อน และต้องจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น เรื่อง น้ำ และการจัดการขยะ และจะต้องได้รับการยอมรับจากชุมชน

“ที่ประชุมหารือเรื่องการฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ไปแล้ว 2 เข็ม ให้สามารถฉีดวัคซีน astrazeneca หรือวัคซีน mRNA เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ และผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกแล้ว สามารถใช้สูตรผสมเป็นวัคซีน astrazeneca เข็มที่ 2 ได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาจากหลายหน่วยงาน พบว่าผลของการควบคุมโรคเป็นที่น่าพอใจ และองค์การอนามัยโลกให้การยอมรับ จึงเป็นข้อสรุปในที่ประชุมว่าสามารถใช้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวของ ศบค .วันนี้เลื่อนจากเวลา 12.30 น. เป็นเวลา 14.00 น. เพื่อรอผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก เพื่อประเมินสถานการณ์เนื่องจากผ่านไป 5 วันแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากรกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว. สาธารณสุข และเป็นหัวหน้าทีมในการจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เอกชน นพ.อุดมคชินทร นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา นพ.ยง ภู่วรวรรณ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ผู้บริหารด้านสาธารณสุข และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย