เตรียมยกระดับมาตรการคุมเข้ม หลังติดเชื้อยังสูง

ทำเนียบรัฐบาล 16 ก.ค.-ที่ประชุม ศบค. ประเมินสถานการณ์หลังล็อกดาวน์ 10 จังหวัด สถานการณ์ติดเชื้อยังสูง เตรียมยกระดับปิดกิจการบางอย่างเพิ่ม พร้อมเคาะปรับสูตรวัคซีนได้ เตือนประชาชนอย่าซื้ออุปกรณ์ตรวจโควิดทางออนไลน์หรือร้านสะดวกซื้อ


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.วันนี้ (16 ก.ค.) ประเมินสถานการณ์หลังการประกาศล็อกดาวน์ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไปแล้ว 5 วัน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ แต่ยังพบการกระทำผิดคือออกนอกเคหสถานหลังเวลา 21.00 น. จำนวน 158 ราย และความผิดในลักษณะการรวมกลุ่มมั่วสุม 59 ราย ทำให้ได้ข้อสรุปว่าอาจจำเป็นต้องปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น และอาจจำเป็นต้องปิดกิจการบางอย่างให้มากขึ้น ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศที่จะออกมาต่อไป

“ที่ผ่านมาเราปิดในพื้นที่ 10 จังหวัด เพราะต้องการให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด แต่เมื่อประเมิน 5 วัน พบว่าสถานการณ์ยังน่าห่วง ท่าน ผอ. ศบค.จึงให้ทบทวนและเสนอกลับมาเร่งด่วนว่าจะต้องมีมาตรการเข้มข้นขึ้นอย่างไร” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จะตรวจหาเชื้อให้ครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง เมื่อตรวจแล้วผลเป็นบวก ขอให้ประชาชนไปติดต่อกับสาธารณสุขใกล้บ้าน จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลประเมินอาการเบื้องต้น หากอาการอยู่ในระดับสีเขียวจะให้กักตัวอยู่ที่บ้าน หรือ home isolation แต่หากติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจะจัดสถานที่พักคอยในชุมชน หรือ community isolation เพื่อลดการแพร่เชื้อในชุมชน ทั้งนี้ เพื่อสงวนเตียงให้กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในระดับสีเหลืองและสีแดง อย่างไรก็ตาม หากตรวจแล้วผลเป็นลบ แต่มีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูงหรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง จะต้องตรวจซ้ำในวันที่ 3 หรือวันที่ 5 หลังจากตรวจครั้งแรกไปแล้ว

“สำหรับอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อ covid 19 เบื้องต้น (antigen test kit) ถือเป็นอุปกรณ์การแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้ประชาชนไปตรวจเฉพาะโรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือสามารถซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ได้ที่ร้านขายยาที่มีเภสัชกรดูแลร้าน และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง แต่ไม่อนุญาตให้ขายในร้านสะดวกซื้อ หรือซื้อผ่านออนไลน์ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะต้องได้รับการตรวจมาตรฐาน” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เป็นโรงงาน สถานประกอบการที่มีบุคลากรจำนวนมาก สนใจนำอุปกรณ์เหล่านี้ไปตรวจหาเชื้อในพนักงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงว่าสถานประกอบการที่มีบุคลากรเกิน 50 คนขึ้นไป โดยกฎหมายจะมีสถานพยาบาล จึงเห็นว่าในส่วนของโรงงานน่าจะให้สถานพยาบาลของสถานประกอบการนั้นรับไปดำเนินการได้


ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนผู้ป่วยที่เข้าสู่ระบบกับตัวเองที่บ้าน หรือ home isolation อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า ผู้ป่วยจะได้รับอุปกรณ์ให้วัดอุณหภูมิตรวจวัดออกซิเจน และมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปพูดคุย ประเมินอาการ รวมทั้งจัดเครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร และอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นมาตรฐานและปลอดภัย ซึ่งจะเป็นผู้ป่วยที่มีอาการในระดับสีเขียว คือไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับ community isolation จะใช้ในกรณีติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในชุมชนหรือโรงงาน หากมีพื้นที่แยกกักได้เองขนาดเล็กไม่เกิน 200 เตียง โดยส่วนของ กทม. จะมีศูนย์พักคอยรอการส่งต่อ 21 ศูนย์ รองรับผู้ป่วยได้ 2,950 เตียง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเน้นย้ำว่าก่อนส่งผู้ป่วยจะต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี rt-pcr ก่อน และต้องจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น เรื่อง น้ำ และการจัดการขยะ และจะต้องได้รับการยอมรับจากชุมชน

“ที่ประชุมหารือเรื่องการฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ไปแล้ว 2 เข็ม ให้สามารถฉีดวัคซีน astrazeneca หรือวัคซีน mRNA เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ และผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกแล้ว สามารถใช้สูตรผสมเป็นวัคซีน astrazeneca เข็มที่ 2 ได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาจากหลายหน่วยงาน พบว่าผลของการควบคุมโรคเป็นที่น่าพอใจ และองค์การอนามัยโลกให้การยอมรับ จึงเป็นข้อสรุปในที่ประชุมว่าสามารถใช้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวของ ศบค .วันนี้เลื่อนจากเวลา 12.30 น. เป็นเวลา 14.00 น. เพื่อรอผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก เพื่อประเมินสถานการณ์เนื่องจากผ่านไป 5 วันแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากรกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว. สาธารณสุข และเป็นหัวหน้าทีมในการจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เอกชน นพ.อุดมคชินทร นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา นพ.ยง ภู่วรวรรณ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ผู้บริหารด้านสาธารณสุข และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

ล่า “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงินกว่า 3 ล้าน

กทม. 1 ก.ค. – ตำรวจยังคงไล่ล่าแก๊งปล้นเงินกลางห้างดังย่านลาดพร้าว ได้เงินไปกว่า 3.4 ล้านบาท ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับแล้ว พบเป็นคนดังโซเชียลสายคุก ฉายา “เสือปุ่น” มีประวัติคดีโชกโชน .-สำนักข่าวไทย

“เจนี่” ถือฤกษ์ดี ปลงผมบวชสามเณรี ญาติมิตรร่วมอนุโมทนา

สระบุรี 1 ก.ค. – “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” วัย 44 ปี ถือฤกษ์งามยามดี เช้าวันนี้ (1 ก.ค.68) ปลงผมบวชสามเณรี ในโครงการบรรพชาสามเณรี รุ่นที่ 3 บริเวณปะรำพิธี ณ ศรีวรญาลัย จ.สระบุรี โดยมีครอบครัว ญาติสนิท ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ และเพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ ร่วมอนุโมทนา. – สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. ยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติ

ทำเนียบ 1 ก.ค.-นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้แจงเต็มที่ ยืนยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติและรักษาอธิปไตย ไม่มีเจตนาอยากได้อะไรเป็นของตัวเอง พร้อมขอโทษ หากวิธีการไม่ถูกใจใครหลายคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัย กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซ็น และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ด้วยมติ 7:2 ว่า ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลต่อจากนี้ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระยะเวลานั้นไม่แน่ใจ แต่มีเวลาประมาณ 15 วันที่จะชี้แจง ตนจะทำให้เต็มที่ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่า ความตั้งใจและเจตนาจริงๆ เกิน 100% ว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้เพื่ออธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ตนเองทำ อาจจะมีทั้งถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มีอยากได้อะไรของตัวเองเลย และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และตนก็คงรับไม่ได้หากพูดอะไรกับทางผู้นำและทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง อันนั้นเป็นความตั้งใจจริงๆ ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพราะฉะนั้นนี่คือ […]