กสม. 16 ก.ค.- ประธาน กสม.เปิดเวทีพบภาคประชาสังคมสะท้อนปัญหา ยืนยันพร้อมทำงานเชิงรุก สร้างเครือข่ายเพื่อช่วยกันขับเคลื่อน ชูนโยบาย 5 ด้าน คุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) จัดประชุม หัวข้อ “กสม.พบภาคประชาสังคม” ผ่านระบบ zoom โดยมีกรรมการสิทธิ์ฯและตัวแทนภาคประชาสังคมจากส่วนต่างๆเข้าร่วม โดย น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธาน กสม. กล่าวว่า กสม.ชุดนี้มีแนวทางและนโยบายในการทำงานด้วยกัน 5 ด้าน คือ การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม การส่งเสริมวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชน การสร้างและสนับสนุนความร่วมมือขององค์กรเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นต่อบทบาทของ กสม.ในระดับสากล เพื่อให้ กสม.ได้รับการปรับสถานะจากระดับ B กลับคืนสู่สถานะ A และพัฒนาสำนักงาน กสม.เป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง อย่างไรก็ตาม แนวทางทั้ง 5 ด้าน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมช่วยผลักดันเพื่อให้เกิดความสำเร็จ และสามารถเดินหน้าไปด้วยกันอย่างมีศักดิ์ศรี ได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ด้านนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการ กสม. กล่าวว่า แนวทางการทำงานของ กสม.จะทำงานแบบทีมเวิร์ก เป็นหนึ่งเดียว ปรึกษาหารือกันและมีท่าทีออกไปร่วมกัน การทำงานเน้นเชิงรุก รวดเร็ว ไม่คอยตั้งรับเรื่องร้องเรียนเพียงอย่างเดียว หลายเรื่องต้องทำในเชิงระบบหรือกฎหมาย เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกคน ช่วงที่ผ่านมาเราได้ออกไปเจอกับภาคีเครือข่าย อาทิ กรมราชทัณฑ์ เพื่อประสานคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังโดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประสานความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนกระบวนการยุติธรรม การอายัดตัว ประวัติอาชญากร การชุมนุมทางการเมือง ทั้งนี้การทำงานของ กสม.กับหน่วยงานต่างๆ ควรจะมีช่องทางสื่อสารเพื่อทำงานร่วมกัน คุ้มครองสิทธิของประชาชนโดยเร็วที่สุด หากเราใช้กระบวนการตรวจสอบอย่างเดียวอาจจะถูกมอง ว่าเป็นการจับผิดหรือใช้เวลานานกว่าปกติ
นายวสันต์ ยังกล่าวว่า กสม.ยังได้มีท่าทีเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 โดยขอให้กระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งขอให้รัฐบาลชะลอการเสนอขึ้นทะเบียนป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ขณะเดียวกันทาง กสม.ยังได้ลงพื้นที่แคมป์ก่อสร้าง ภายหลังจากมีมาตรการปิดแคมป์ และลงพื้นที่โรงงานผลิตเม็ดโฟมระเบิดที่สมุทรปราการ และลงพื้นที่สังเกตการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่ผ่านมา กสม.พยายามทำงานให้เร็วที่สุด ประสานการคุ้มครองมีรูปธรรมที่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่เปิดให้ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ สะท้อนปัญหาและเสนอความคิดเห็น พบว่ามีการเสนอขอให้ กสม.สร้างความศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อประชาชนให้กลับคืนมา อยากเห็น กสม.ขับเคลื่อนตามบทบาทของกฎหมายควบคู่กับกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ต้องการให้ กสม.ทำงานแบบเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ ทำให้การขับเคลื่อนสิทธิไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ขอให้ กสม.ทบทวนการตรวจสอบประชาชนไทยหรือบริษัทที่ไปลงทุนข้ามพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านแล้วถูกละเมิดสิทธิหรือไปละเมิดสิทธิ ควรมีการฟ้องร้องแทนประชาชน อยากให้ กสม.ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ทำงานแบบเร่งด่วนกรณีที่พบภาวะวิกฤติ รวมทั้งผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเปิดทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ลดทอนสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน ซึ่ง น.ส.พรประไพ กล่าวสรุป ยืนยันว่า กสม.จะทำงานแบบเชิงรุก และสร้างเครือข่ายเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนงานต่อไป.-สำนักข่าวไทย