จี้รัฐบาลแจงกรอบสัญญาวัคซีนแอสตร้าฯ

พรรคก้าวไกล 15 ก.ค.- “วิโรจน์” จี้ รัฐบาลแจงกรอบทำสัญญาวัคซีน ถามเหตุใดยอมให้แอสตร้าฯ เลื่อนส่งถึงกลางปี 65  ย้ำใช้ภาษีประชาชน 600 ล้าน หนุน“สยามไบโอไซน์” ผลิตวัคซีนเพื่อคนไทย แต่กลับไม่พบเงื่อนไขจำกัดการส่งออกในกรอบสัญญา


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ต่อการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล โดยตั้งคำถามถึงการเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนสูตรผสมสลับ โดยเข็มแรกเป็นซิโนแวค และเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอังกฤษที่มีโรงงานผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเช่นกัน และได้มีการปรับให้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม พร้อมขยับเวลาฉีดทั้ง2 เข็มให้เร็วขึ้น เพื่อป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ แตกต่างกับการตัดสินใจรัฐบาลไทยโดยสิ้นเชิง ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่รีบร้อนการฉีดวัคซีนที่ยังไม่ได้ทดสอบอย่างครบถ้วน และไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง ต้องมั่นใจว่าวัคซีนปลอดภัยจึงจะนำมาใช้กับประชาชน  พร้อมตั้งข้อสังเกตเหตุใดไทยได้รับบริจาควัคซีนแอสตร้าเซเนก้าจากญี่ปุ่น 1 ล้าน 5 หมื่นโดส ทั้งที่มีโรงงานผลิต ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ว่าวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าที่ผลิตในไทยจะไม่สามารถส่งมอบได้ตามที่ประกาศไว้ โดยผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ระบุว่า วัคซีนแอสตร้าฯ น่าจะส่งมอบในเดือน ก.ค.ได้เพียง 5-6 ล้านโดส ไม่ถึง 10 ล้านโดสต่อเดือนตามแผน

นายวิโรจน์ ยังเปิดคลิปที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงต่อสภาฯ ถึงการจัดหาวัคซีนแอสตร้าฯว่า ในไตรมาสที่ 3 วัคซีนแอสตร้าฯ จะมีเต็มโรงพยาบาล เต็มแขนคนไทย มีเต็มจนไม่พอเก็บ เพียงพอต่อคนกลุ่มเสี่ยง 63 ล้านโดส อีกทั้งยืนยันว่า วัคซีนหลักไทยคือ แอสตร้าฯ แต่ที่ผ่านมาไทยสั่งวัคซีนซิโนแวคอย่างต่อเนื่อง 19.5 ล้านโดส เป็นการจัดซื้อ 18.5 ล้านโดส และได้รับบริจาค 1 ล้านโดส


ทั้งนี้ เมื่อการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ไม่เป็นไปตามแผน เหตุใดรัฐบาลจึงไม่เร่งรัดบังคับสัญญาให้ส่งมอบให้ครบ และที่สำคัญที่สุดคือเงื่อนไขที่รัฐบาลนำเงินภาษีของประชาชนไปอุดหนุนบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด วงเงิน 600 ล้านบาท ซึ่งจากรายงานมีการเบิกใช้จริง 596.23 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างการผลิตวัคซีนไวรัล เวคเตอร์ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2563 โดยมีใจความที่ระบุ ว่า “การสนับสนุนนี้มีเงื่อนไขจำกัดสิทธิการส่งออกเพื่อให้ประเทศไทยได้รับสิทธิในการซื้อวัคซีนที่ผลิต โดยผู้ผลิตในไทยเป็นอันดับแรกตามจำนวนความต้องการและราคาวัคซีนที่เหมาะสม และวัคซีนที่เหลือบริษัทแอสตร้าฯ วางเป้าหมายในการกระจายให้กับประเทศอื่นในภูมิภาคนี้  โดยนายอนุทินยืนยันว่าคนไทยจะไม่ถูกตัดคิววัคซีนไปจากมือได้  ดังนั้นเมื่อประชาชนมีความชอบธรรมที่จะได้รับวัคซีนตามแผน เหตุใดรัฐบาลจึงไม่หารือกับบริษัทแอสตร้าฯ ในการจำกัดหรือการปรับลดวัคซีนเพื่อให้คนไทยได้รับวัคซีนตามสิทธิ์ที่พึงได้รับคือ 10 ล้านโดสต่อเดือน ทำไมรัฐบาลจึงไม่รักษาผลประโยชน์ของประชาชน

ล่าสุด นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สัมภาษณ์ ว่าแนวโน้มการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าฯ ภายในปีนี้ จะถูกขยายออกไปถึงเดือนพฤษภาคม 2565 และยังระบุว่าแอสตร้าฯ จะส่งมอบวัคซีนให้ไทยร้อยละ 40 ของกำลังการผลิต หรือประมาณ 6 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส รวมถึงยังระบุว่าในสัญญาไม่ได้ระบุเรื่องการส่งมอบ

“พรรคก้าวไกลเชื่อว่า ข้อความนี้น่าจะอยู่ในสัญญาบริเวณที่ถมดำที่ปิดบังไว้ไม่ให้ประชาชนทราบ ดังนั้นขอเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลเเละเอกสารดังกล่าวโดยเร็วที่สุด คำถามคือ ทำไม นายกรัฐมนตรีและนายอนุทิน เเละนายสาธิต ยอมให้มีเลื่อนการจัดส่งวัคซีนได้อย่างไร และเหตุใดจึงไม่พยายามที่จะจำกัดการส่งออกวัคซีน“ นายวิโรจน์ กล่าว


โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า เมื่อมาตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับสัญญา ก็พบเรื่องที่น่ากังวล ที่ได้ไปลงนามเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 63 ที่ได้ตกลงในเงื่อนไขการส่งออกวัคซีนโดยปราศจากข้อจำกัด ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการหารือกันอย่างสร้างสรรค์ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และแอสตร้าฯ ซึ่งแม้ว่าหนังสือฉบับนี้จะไม่มีผลผูกพันธ์กับกฎหมาย เเต่เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องถามว่า ทำไมถึงไปแสดงเจตจำนงในการทำสัญญาอย่างนั้น ไปตกลงให้มีการส่งออกโดยปราศจากข้อจำกัดได้อย่างไร

“ที่สำคัญ ประโยคที่ระบุว่า “รัฐบาลไทยจะได้รับการส่งมอบวัคซีนเป็นอันดับแรก ที่เหลือจึงจะนำไปส่งออกได้” อยู่ในสัญญาหรือไม่ และสัญญาที่ได้รับมอบมาในตอนนี้ คือ สัญญาวัคซีน 26 ล้านโดส แล้วอีก 35 ล้านโดส นั้นอยู่ในสัญญาฉบับไหน หรืออยู่ในส่วนที่ถูกถมดำตรงไหน“ นายวิโรจน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าที่ นายสาธิต ระบุว่าแอสตร้าฯ อาจจะไม่สามารถส่งครบตามกำหนด คือภายในเดือนธันวาคม 2564 ครบ 61 ล้านโดส เเต่อาจจะเลื่อนเป็นเดือนพฤษภาคม 2565 กรณีนี้มีกฎหมายใดบ้างที่ใช้ควบคุม หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า มี พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน  แต่นายสาธิต ก็ระบุเช่นกันว่า การใช้กฎหมายอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงข้อความในหนังสือที่รัฐบาลตกลงไว้เเต่เเรก เเละต้องถามย้อนกลับว่าหนังสือดังกล่าว มีผลผูกพันกับรัฐบาลหรือไม่  ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จริง อาจจะต้องถามย้อนไปยังแอสตร้าฯประเทศไทย ให้ชี้เเจงถึงสัญญาที่ทำไว้กับรัฐบาล และหากรัฐบาลรู้ทั้งรู้ว่าทำสัญญาเเล้วมีผลผูกพันตามมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และจะต้องชี้แจงและมีคำตอบให้ประชาชนต่อกรณีที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย