กรุงเทพฯ 15 ก.ค. -ก้าวไกลชี้รัฐเยียวยาไม่ตรงจุด ปล่อยเอสเอ็มอีล้มตาย เหลือนายทุนใหญ่กินรวบประเทศ
นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด -19 ของรัฐบาล ว่า มาตรการล่าสุดเน้นไปที่เยียวยานายจ้างและลูกจ้างในระบบประกันสังคม แต่มองว่ามาตรการนี้ยังตกหล่นและไม่เป็นธรรมจำนวนมากคือทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างที่อยู่นอกระบบประกันสังคม และการเยียวยาที่น้อยกว่าผลกระทบจากมาตรการของรัฐอยู่มาก การเยียวยาของรัฐบาลรอบนี้คือ เยียวยาให้นายจ้างในระบบประกันสังคม 3,000 บาทต่อจำนวนลูกจ้าง และลูกจ้าง 2,500 บาทต่อราย เมื่อรวมเงินจากประกันสังคมอยู่แล้ว 7,500 บาท ลูกจ้างในระบบประกันสังคมจะได้ไม่เกิน 10,000 บาท
“สิ่งที่รัฐบาลควรทำ ที่ทางผมและพรรคก้าวไกล พยายามสื่อสารไปหลายครั้งว่า ทำไมไม่ชดเชยเยียวยา ผู้ประกอบการตามรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบนี้ไปเลย โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ คนละครึ่ง/เราชนะ เพราะรัฐบาลก็มีข้อมูลรายได้ที่ลดลงไปแล้ว ถึงจะเป็นการชดเชยเยียวยาที่เหมาะสมและเป็นธรรม จากการให้ผู้ประกอบการร่วมมือกับมาตรการของรัฐ” นายวรภพ กล่าว
นายวรภพ กล่าวว่า ขอเสนอว่ามาตรการจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำในเวลานี้คือ การพักชำระหนี้ไปอย่างน้อย 3 เดือน กำหนดห้ามขับไล่ผู้เช่า 6 เดือนในช่วงที่สถานการณ์ยังวิกฤต รวมทั้งช่วยเติมสภาพคล่องโดยอิงกับ ประวัติการจ่ายภาษีย้อนหลัง 10 ปี มาเป็นวงเงินกู้สำหรับธุรกิจเพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและอยู่ในระบบภาษีสามารถรอดวิกฤติไปได้แน่ ๆ
“ก่อนที่ SMEs จะล้มหายไปจากประเทศไทย และเหลือเพียงกลุ่มทุนใหญ่ ที่พร้อมจะกลืนกินเศรษฐกิจไทยไปมากกว่า รัฐบาลต้องขยายมาตรการช่วยเหลือรายย่อยมากกว่านี้” นายวรภพ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.พรรคกล้าวไกล กล่าวว่า การเยียวยาครั้งนี้ ไม่ถ้วนหน้า ไม่ทั่วถึง และ ไม่ได้สัดส่วนกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งที่ชัดเจนว่าเป็นการเยียวยาเนื่องมาจากการประกาศเคอร์ฟิวและล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดเท่านั้น แต่หลายธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจกลางคืนได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำสั่งของรัฐมายาวนาน อย่างน้อย ๆ 240 วัน ในช่วง 15เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นึกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“มาตรการนี้ถึงแม้ว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความเสียหายที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และยังทิ้งกลุ่มคนกลางคืนอีกกว่า 67 จังหวัด ไว้ข้างหลัง รวมถึงยังคิดไม่ครบถ้วนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน และทำให้บางธุรกิจที่ถูกผลกระทบจริง ไม่ได้รับการเหลียวแล” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ข้อดีเดีย ที่จะเกิดขึ้นจากการเยียวยาครั้งนี้ คือจะมีการดึงแรงงานอิสระ เข้าสู่ระบบประกันสังคมได้มากขึ้น เพื่อเป็นการติดตาม และช่วยเหลือ แรงงานอิสระ ที่เป็นสัดส่วนที่สูงมากของแรงงานทั้งหมดทั่วประเทศ และในอนาคต ฐานข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้รัฐสามารถติดตามช่วยเหลือแรงงานได้ในยามที่เกิดวิกฤติ
“ผมสนับสนุนให้แรงงานอิสระทุกคนเข้าร่วมลงทะเบียนประกันสังคม ใน ม.39 และ ม.40 ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือกันถ้วนหน้า ทุกคน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว.-สำนักข่าวไทย