กระทรวงการต่างประเทศ 15 ก.ค.-โฆษกกต.แจงร่วมผลักดันจัดหาวัคซีนเพื่อจัดสรรให้ประชาชนเป็นภูมิคุ้มกันโควิด เตรียมรับวัคซีนจากสหรัฐ ฯ ระบุการบริจาคเงินให้โคแวกซ์ทำให้แลกเปลี่ยน จำหน่าย-แจกจ่ายวัคซีนที่ไทยผลิตได้เองในอนาคต
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทางการทูตเพื่อการจัดหาวัคซีนจากต่างประเทศ ป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งในรูปแบบการจัดซื้อ การแลกเปลี่ยน (Vaccine Swap) และการรับความช่วยเหลือ โดยติดต่อเพื่อจัดซื้อจากแหล่งต่าง ๆ อาทิ จากประเทศจีน ได้แก่ วัคซีนซิโนแวค วัคซีนซิโนฟาร์ม วัคซีนแคนซิโน จากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ วัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โนวาแวกซ์ จากรัสเซีย ได้แก่ สปุตนิก วี จากฝรั่งเศส ได้แก่ ซาโนฟี และจากอินเดีย ได้แก่ โควิชิลด์ และโควาซิน
“ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 กระทรวงการต่างประเทศเจรจาเรื่องความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนหรือหยิบยืมวัคซีนกันใช้ก่อน ซึ่งวิธีนี้ใช้ในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และสหรัฐฯ เชื่อว่าอามีวัคซีนจำนวนเพียงพอในการแลกเปลี่ยนกันได้ตั้งแต่เดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายธานี กล่าวว่า สำหรับกรณีของสหรัฐฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือผลักดันการจัดหาวัคซีนจากสหรัฐฯ มาตลอดตั้งแต่เดือน ก.พ.2564 โดยหารือกับผู้ช่วยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อขอให้สหรัฐฯพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้ไทย อีกทั้งเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2564 นายดอนได้หารือกับนางเวนดี้ เชอร์แมน รมช.ต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเรื่องขอรับการจัดสรรวัคซีนอย่างเร่งด่วนสำหรับไทย
“วันที่ 3 มิ.ย.2564 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศมอบความช่วยเหลือวัคซีนรวม 80 ล้านโดส ให้ประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทยด้วย ทั้งนี้ กระทรวงฯยังอยู่ระหว่างการประสานงานในรายละเอียดกับหน่วยงานของสหรัฐฯ และกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมในการขนส่งและรับมอบวัคซีน รวมทั้งแผนบริหารจัดการและจัดสรรวัคซีนดังกล่าวในประเทศ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายธานี กล่าวว่า ส่วนโครงการแบ่งปันวัคซีนภายใต้กลไกโคแวกซ์ (COVAX) ขององค์การอนามัยโลก แม้ไทยไม่ได้เข้าเป็นสมาชิก แต่ได้ร่วมบริจาคเพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับกลไกนี้เป็นเงินจำนวน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ไทยสามารถแลกเปลี่ยน จำหน่าย หรือแจกจ่ายวัคซีนที่ไทยผลิตได้เองในอนาคตข้างหน้า ให้กับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่ไทยประกาศไว้ว่าวัคซีนคือสินค้าสาธารณะของโลกที่ประเทศต่าง ๆควรเข้าถึงได้ทั่วกัน.-สำนักข่าวไทย