มั่นใจแก้รธน.ผ่านฉลุย

กรุงเทพฯ 15ก.ค.-“ไพบูลย์” นัดถกกมธ.แก้ รธน. 27 ก.ค.นี้ คาดชงรัฐสภาพิจารณาวาระ 2 ปลาย ส.ค.นี้ มั่นใจผ่านฉลุย ไม่คว่ำ!


นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐสภา เปิดเผยแนวทางการพิจารณาแก้ไขระบบการเลือกตั้งของกรรมาธิการฯ หลังต้องงดการประชุม 2 สัปดาห์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า จะประชุมอีกครั้งในวันอังคารที่ 27 กรกฎาคมและ 30 กรกฎาคมนี้ ซึ่งการงดการประชุมจะไม่กระทบกรอบการพิจารณาของกรรมาธิการ ที่ตั้งใจจะเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาต่อในวาระที่ 2 ในช่วงเดือนสิงหาคม เพราะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาปรับแก้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 สิงหาคมนี้

“ที่ประชุมรัฐสภาจะพิจารณาวาระ 2 ได้ปลายเดือนสิงหาคมนี้ หลังสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ในวาระ 2 และ 3 ช่วงกลางเดือนสิงหาคมเสร็จสิ้น จากนั้น เมื่อพิจารณาวาระที่ 2 เสร็จแล้ว จะต้องเว้นการพิจารณาไว้ 15 วัน ก่อนลงมติในวาระที่ 3 ช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ ซึ่งยังคงอยู่ในสมัยประชุม” นายไพบูลย์ กล่าว


ส่วนจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ภายหลังการลงมติในวาระที่ 3 เสร็จสิ้นจะเป็นขั้นตอนที่นายกรัฐมนตรีต้องนำร่างงรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งระหว่างนั้นส.ส.และส.ว.ยังสามารถเข้าชื่อกัน เพื่อขอส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยได้ แต่เท่าที่พิจารณาขณะนี้ยังไม่มีประเด็นที่เข้าองค์ประกอบที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ให้ยื่นศาลตีความ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับอำนาจองค์กรอิสระ การดำรงตำแหน่งต่าง ๆ แต่การแก้ไขระบบการเลือกตั้ง ไม่ได้อยู่ในองค์ประกอบในมาตรา 256 วงเล็บ 8 จึงไม่สามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ มั่นใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนพรรคการเมืองใดจะมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เกินหลักการ เป็นเรื่องของพรรคการเมืองนั้น

นายไพบูลย์ มั่นใจว่า การลงมติร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้ จะผ่านการพิจารณาแบบฉลุย เพราะมีพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากอย่างน้อย 3 พรรคการเมือง ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนการแก้ไขระบบการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งมีเสียงรวมกันแล้วประมาณ 300 เสียง ส่วนเสียงของวุฒิสภาที่ต้องมีมากกว่า 1 ใน 3 หรือมากกว่า 83 เสียง ซึ่งในวาระแรกขั้นรับหลักการ วุฒิสภาสนับสนุน 210 เสียง

“ในวาระที่ 3 ก็น่าจะเกิน 1 ใน 3 อยู่แล้ว นอกจากนั้น ในการลงมติวาระที่ 3 ยังจะต้องมีเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน ร้อยละ 20 หรือประมาณ 40 กว่าคน ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยเห็นชอบ ก็จะผ่านเกณฑ์ดังกล่าว จึงมั่นใจว่า จะได้รับเสียงเห็นชอบจากรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่ง และครบหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กำหนด และผ่านการพิจารณาแบบฉลุยแน่นอน ไม่คว่ำ” นายไพบูลย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ