ทำเนียบรัฐบาล 14 ก.ค.-ศบค.เผยเตรียมส่งทีม CCRT 169 ทีมลงพื้นที่ชุมชน 69 แห่ง ค้นหาผู้ป่วยเพื่อเร่งส่งเข้าสู่ระบบรักษา ย้ำร้านเสริมสวยในห้างเป็นแหล่งรวมคนจำนวนมาก จำเป็นต้องปิดให้บริการ
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า ขณะนี้ทุกจังหวัดมีผู้ติดเชื้อโดยพบว่านอกจาก 10 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเข้มงวด ยังพบอีก 6 จังหวัดที่เข้าข่าย โดยพบผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 100 คน จากการสังสรรค์ การร่วมกลุ่ม ดังนั้น ขอให้จังหวัดเฝ้าระวัง แม้ขณะนี้ยังไม่ได้จัดอยู่ที่พื้นที่สีแดงเข้มก็ตาม แต่ตอนนี้มีคนเดินทางจาก กทม.กลับภูมิลำเนามากขึ้น
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ส่วนกรุงเทพมหานครรายงานมีคลัสเตอร์เฝ้าระวัง 130 แห่ง แต่ไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ วันพรุ่งนี้(15 ก.ค.) ถึงวันที่ 17 ก.ค. ทีมเคลื่อนที่เร็วค้นหาเชิงรุก (CCRT) 169 ทีมจะลงพื้นที่ 69 ชุมชน โดยมีเป้าหมายให้ครบ 200 ชุมชน เร่งระดมค้นหาผู้ป่วยในชุมชนเพื่อแยกกัก และจะตรวจโดยใช้ Antigen test kit หาเชื้อ หากพบผลบวกจะเข้าระบบการรักษาอย่างรวดเร็ว แต่หากพบผลตรวจเป็นลบ จากชุดตรวจที่อาจมีความแม่นยำต่ำ ดังนั้น ควรต้องตรวจซ้ำใน 3-5 วัน
“ต่างจังหวัดพบคลัสเตอร์ใหม่ 5 แห่ง ประกอบด้วย จ.ชลบุรี ที่บริษัทชุบโลหะ อ.บ้านบึง มีผู้ติดเชื้อ 35 ราย จ.ปทุมธานี ที่โรงงานอาหาร อ.สามโคก มีผู้ติดเชื้อ 66 ราย จ.ฉะเชิงเทรา ที่แคมป์ก่อสร้าง อ.พนมสารคาม มีผู้ติดเชื้อ 196 ราย จ.สมุทรสาคร ที่โรงงานยางรถยนต์ อ.กระทุ่มแบน มีผู้ติดเชื้อ 23 ราย และ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ตลาดใหญ่วังน้อย อ.วังน้อย มีผู้ติดเชื้อ 54 ราย” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า การยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ใน 6 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่กำหนดเวลาการเปิด-ปิดกิจการ โดยร้านในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เช่น ร้านหนังสือ ร้านแว่นตา เครื่องใช้ไฟฟ้า สถานเสริมความงาม ทั้งร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านทำเล็บ เนื่องจากกรมควบคุมโรคมีคำแนะนำว่าห้างสรรพสินค้ามักจะเกิดการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก จึงแนะนำให้ปิดกิจการ แต่ร้านค้าที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า ให้อยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อของแต่ละจังหวัด ซึ่งโดยหลักการจังหวัดอาจเปิดให้บริการได้.-สำนักข่าวไทย