รัฐสภา 8 ก.ค. -มท.3 แจงสภาฯ พร้อมเยียวยา ปชช.เหตุเพลิงไหม้หมิงตี้อย่างเต็มที่ พบบ้านเรือนเสียหาย 372 หลัง ยังมีผู้อพยพอยู่ 259 คน รับปากเร่งปรับปรุงอุปกรณ์ จนท.ดับเพลิงให้ได้มาตรฐานสากลมากที่สุด
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (8 ก.ค.) ที่ประชุมมีการตั้งกระทู้ถามไปยังรัฐบาลถึง ปัญหาการบริหารจัดการเหตุเพลิงไหม้ โรงงานผลิตเม็ดโฟมและเม็ดพลาสติก ที่ จ. สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา และส่งผลกระทำกับประชาชน ในรัศมี 5 กิโลเมตร
โดยนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ตั้งคำถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงการระงับเหตุและการช่วยเหลือประชาชนจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงชี้แจงสาเหตุ การดำเนินการบรรเทาสาธารณภัย และแนวทางการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และการดูแลเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ที่มีเงินเดือนน้อยและมีอุปกรณ์การปฏิบัติงานที่เก่าไม่ทันต่อสถานการณ์การ เช่นเดียวกับ นายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.สมุทรปราการ ตั้งกระทู้ถามถึงระบบการวางแผนเมื่อเกิดสถานการณ์การที่ต้องอพยพประชาชนในพื้นที่ ที่เมื่อเกิดเหตุประชาชนไม่ทราบว่าตนเองอยู่ในพื้นที่ต้องอพยพหรือไม่ จนทราบข้อมูลจากระบบที่เอกชนพัฒนาขึ้น ทั้งที่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่ควรวางระบบไว้ อีกทั้งมีบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหาย จึงขอความชัดเจนจากรัฐบาล ว่าจะมีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไร
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงสาเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมิคอล ว่าเบื้องต้นคาดเกิดจากสารเคมีผลิตเม็ดโฟมและเม็ดพลาสติกรั่วไหล ยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ มีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และบริหารสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และมีการประกาศ เขตผู้ประสบภัย 1 อำเภอ 4 ตำบล 27 หมู่บ้าน ในพื้นที่อำเภอบางพลี โดยสามารถเยียวยาช่วยเหลือประชาชนเฉพาะหน้าได้ ปัจจุบันมีผู้อพยพเหลืออยู่ 259 คน และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ 100 เปอร์เซนต์แล้วเวลานี้ เชื่อว่าจะไม่มีการระเบิดซ้ำอีก แต่ยังไม่อนุญาตให้ประชาชนในรัศมี 1 กม. กลับเข้าพื้นที่ เพราะยังต้องจำกัดสารเคมีที่ยังเหลืออยู่ราว 700 ตัน ก่อน
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือยาวยา ยืนยันว่ารัฐบาลได้มีแผนการดำเนินการไว้แล้ว ขณะนี้มีการสำรวจความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือเฉพาะหน้า แบ่งเป็นรูปแบบช่วยเหลือ ดังนี้ การช่วยเหลือด้วยเงินสดค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต 29,700 บาท ค่าซ่อมแซมบ้านเรือนรายละ 49,500 บาท ค่าดำรงชีพ รายละ 3,000 บาท ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ รายละ 4,000 บาท กรณีพิการ 13,300 บาท เครื่องมือประกอบอาชีพ 11,400บาทและวัสดุซ่อมแซม ต่างๆ และการจัดสร้างที่อยู่อาศัย เป็นต้น
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ยังมีการช่วยเหลือโดยเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และค่าช่วยเหลือจากบริษัทที่เกิดเหตุ โดยกรณีเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต ขณะมีการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวแล้ว จำนวน 120,000 บาท ส่วนผู้ที่แจ้งชื่อได้รับความเสียหายบ้านเรือน ขณะนี้ มี 372 ราย ประมาณการความเสียหายของประชาชนราว 209 ล้านบาท ยังสำรวจอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัญหาอุปกรณ์เครื่องแต่งกาย ชุดพจญเพลิงของ เจ้าหน้าที่ ยอมรับว่ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ห่วงเรื่องนี้ จะมีการหรือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ ให้ได้มาตรฐานสากลที่สุด เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียและให้ผู้ปฏิบัติงานมีความปลอดภัยสูงสุด.-สำนักข่าวไทย