ทำเนียบรัฐบาล 8 ก.ค.-“วราวุธ” เผยกรมชลฯ ปิดประตูระบายน้ำรอบโรงงานหมิงตี้ สกัดสารเคมีลงแหล่งน้ำธรรมชาติ เผยสบายดีหลังกักตัว เเจงผลสวอปเป็นลบ 2 รอบ ไม่ได้คุยนายกฯ ไม่อยากรบกวน แต่พร้อมหนุนงานเต็มที่
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าการควบคุมสารเคมีอันตรายในโรงงานหมิงตี้ เคมิคอล จำกัด จ.สมุทรปราการ หลังเหตุระเบิดเพลิงไหม้ ว่า พรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะทราบผลว่าสารตัวอย่างที่ส่งไปห้องตรวจจะรู้ว่ามีสาร สไตรีนโมโนเมอร์ บีโอซีและคราบน้ำมันมากน้อยเพียงใด ส่วนมาตรการควบคุมการระบายน้ำภายในพื้นที่โรงงาน ขณะนี้ทางกรมชลประทานได้ให้ความร่วมมือปิดประตูระบายน้ำในฝั่งตะวันตกเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันท้องถิ่นเองก็ปิดประตูระบายน้ำในฝั่งตะวันออกเพื่อป้องกันสารปนเปื้อนลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ
“ภายใน 24 ชั่วโมง น่าจะทราบผลการตรวจแต่สารสไตรีนโมโนเมอร์ เป็นสารที่มีความหน่วงเฉพาะน้อยกว่าน้ำ เมื่อผสมกับน้ำจะลอยอยู่เหนือน้ำไม่ผสมกัน และเป็นสารที่มีจุดเดือดต่ำ ดังนั้น โอกาสที่จะระเหยไปภายในอากาศจึงมีสูง ซึ่งหากตกค้างในท่อระบายน้ำ คาดว่าภายใน 24-48 ชั่วโมงจะระเหยหายไป ส่วนค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย จะทราบพร้อมกับผลการตรวจดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัย ยืนยันว่ากรมควบคุมมลพิษได้ประสานงาน กับหลายหน่วยงานในการฉีดสาร F500 หรือ Foam Fire Extinguishing Agent บริเวณรอบถังสไตรีนโมโนเมอร์แล้วกว่าร้อยละ 80 และเติมสาร DE HA หรือ ดีฮา 600 ลิตร ซึ่งจะทำให้สไตรีนโมโนเมอร์จับตัวเป็นก้อนเพื่อง่ายต่อการกำจัดมีประสิทธิภาพ และลดการเกิดปะทุรอบ 3” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ กล่าว
นายวราวุธ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งตั้งแต่ปี 2537 จังหวัดสมุทรปราการ ได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษ ทำให้ท้องถิ่นสามารถตั้งงบประมาณเพื่อฟื้นฟูพื้นที่โดยรอบโรงงานภายใต้กฎหมายควบคุมมลพิษ ได้โดยที่ผ่านมาทางจังหวัดได้ให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย และทุกฝ่ายกำลังเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
นายวราวุธ กล่าวถึงการกักตัวภายหลังการเดินทางร่วมงาน Phuket sandbox และมีผู้ติดเชื้อ ว่า สบายดีและไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายที่อยู่โดยรอบจึงกักตัว และได้สวอป 2 ครั้งแล้ว ผลตรวจออกมาว่าเป็นลบทั้ง 2 ครั้ง
ส่วนได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากรบกวนนายกรัฐมนตรี เพราะภาระงานของนายกรัฐมนตรีมากอยู่แล้ว จึงรู้สึกเห็นใจ เพราะแต่ละเรื่องที่เข้ามาก็หนักทั้งนั้น อะไรที่สามารถสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลได้จะ ดำเนินการเต็มที่.-สำนักข่าวไทย