พบคลัสเตอร์ใหม่ที่สถาบันประสาทวิทยา

ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.ค.- ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5,420 ราย กทม.เจออีก 1 คลัสเตอร์ที่สถาบันประสาทวิทยา สายพันธุ์เดลต้าแนวโน้มพุ่งสูง แนะสวมหน้ากาก 2 ชั้น แม้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ 5,420 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,070 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1,305 ราย จากเรือนจำ / ที่ต้องขัง 37 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 294,790 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 3,586 ราย สะสม 227,023 ราย กำลังรักษาอยู่ 65,297 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 32,906 ราย และโรงพยาบาลสนาม 32,391 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2,350 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 643 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 57 ราย รวมเสียชีวิต 2,333 คน

โฆษกศบค. กล่าวว่า รายละเอียดผู้เสียชีวิต 57 ราย เป็นเพศชาย 35 ราย เพศหญิง 22 ราย อายุ 25-91 ปี อยู่ในพื้นที่กทม.มากที่สุด 33 ราย สมุทรปราการ 4 ราย นครปฐม ระยอง ปทุมธานี ชลบุรี สงขลา สระบุรี จังหวัดละ 2 ราย เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก สมุทรสงคราม นราธิวาส ปัตตานี สกลนคร นครพนม จังหวัดละ 1 ราย โดยมีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคปอด มะเร็ง หลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น เป็นการติดเชื้อจากคนในครอบครัว 11 ราย และคนอื่น ๆ 20 ราย ซึ่งยังมากเช่นเดิม และอาศัยและเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด ถึง 15 ราย ไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน อาชีพเสี่ยง


“สำหรับการฉีดวัคซีน จะเน้นการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเพียง 15-1% ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปฉีดเข็มแรก 12.5% รวม 2 กลุ่ม ประมาณ 17.8 ล้านคน ฉีดได้แค่ 2 ล้านกว่าคนยังต่ำมากแต่ยังมีจำนวนน้อยอยู่ ขณะนี้วัคซีนกำลังจะกระจายไปยังทุกที่ในเดือนก.ค.นี้ ฝากว่ากลุ่มอื่น ๆ ขอให้ 2 กลุ่มนี้รับวัคซีนต้น ๆ ก่อน เพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน ลดการใช้เตียง ลดการป่วยและเสียชีวิต เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ต้องปรับเดี๋ยวนี้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า ส่วน 10 อันดับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ วันที่ 6 ก.ค. 2564 คือ 1. กรุงเทพมหานคร 1,492 ราย 2. สมุทรสาคร 398 ราย 3. สมทุรปราการ 318 ราย 4. ชลบุรี 266 ราย 5. ปัตตานี 262 ราย 6. นนทบุรี 242 ราย 7. ปทุมธานร 208 ราย 8. นครปฐม 206 ราย 9. ยะลา 135 ราย 10. สงขลา 132 ราย ส่วนการกระจายตัวของเชื้อในช่วงนี้ พบการกระจายตัวไปในพื้นที่ภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่ และพบการติดเชื้อภายในครอบครัวมากขึ้น ในกลุ่มก้อนของผู้ที่เดินทางกลับจากกทม. ดังนั้นการกลับบ้าน กลับภูมิลำเนา ขอให้แยกตัว และกักตัวเอง เพื่อป้องกันการระบาดในครอบครัว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงสถานการณ์ในกทม. มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวัง 116 แห่ง พบคลัสเตอร์ใหม่ 1 คลัสเตอร์ จากเขตราชเทวีคือสถาบันประสาทวิทยาฯ เนื่องจากมีการทำ Active case finding หรือการค้นหาเชิงรุกในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ทำให้พบผู้ป่วยเพิ่มเติมในกลุ่มที่เป็นพนักงานที่เป็นแรงงานต่างชาติในศูนย์อาหาร และเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์หลายแผนก จำนวน 47 ราย โดยมีคลัสเตอร์ที่ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มในรอบ28 วันเพิ่มขึ้น 2 คลัสเตอร์ รวมอยู่ในระดับสีเขียวแล้ว 29 คลัสเตอร์


โฆษกศบค. กล่าวว่า แนวโน้มในกทม.และปริมณฑลยังพบผู้ป่วยในระดับสูง การพบผู้ป่วยในต่างจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ผลการตรวจหาสายพันธุ์ของเชื้อ พบการติดเชื้อ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์อัลฟ่าและสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งในส่วนของสายพันธุ์เดลต้า พบว่ากระจายในหลายจังหวัด โดยเริ่มต้นที่กทม. และกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ จากการเคลื่อนย้ายของแรงงานที่กลับไปยังภูมิลำเนา

“ส่วนสายพันธุ์ที่ยังเป็นกังวล อย่าง สายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) จะพบการกระจุกตัวการแพร่เชื้ออยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และขึ้นมา จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ชลบุรี ในบางพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และขอให้ทุกคนเฝ้าระวังและปรับตัวมากขึ้น รวมถึงใส่หน้ากาก 2 ชั้น แม้จะฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วก็ตาม เนื่องจากไวรัสปรับตัวและแพร่พันธุ์เร็ว” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับภาพรวมทั้งในประเทศขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสายพันธุ์อัลฟา เป็นหลัก มีพบสายพันธุ์เดลต้าเพิ่มขึ้น ในกทม. สายพันธุ์เดลต้ามีจำนวนมากขึ้น ขณะที่ต่างจังหวัด ยังคงเป็นสายพันธุ์อัลฟ่าเป็นส่วนใหญ่ แนวโน้มการพบสายพันธุ์เดลต้าเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเชื้อเริ่มแพร่จากกรุงเทพมหานคร เขตหลักสี่ และจากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการคุมเข้มแคมป์ก่อสร้าง ทำให้คนงานเริ่มเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อไปรับการรักษาตัว ดังนั้น ควรเพิ่มและระมัดระวังป้องกันตัวเองให้มากขึ้น เนื่องจากเชื้อระบาดได้เร็วขึ้น แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่มีอาการและมีอาการเบา การพบผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการรายงานกลุ่มคลัสเตอร์ในต่างจังหวัดที่พบเพิ่มขึ้น ได้แก่สมุทรสาคร อ.เมืองสมุทรสาคร จากโรงงานผ้าอ้อม พบผู้ติดเชื้อ 9 ราย ชลบุรี อ.บางละมุง จากแคมป์ก่อสร้าง พบผู้ติดเชื้อ 12 ราย นนทบุรี อ.ปากเกร็ด จากชุมชนหลังเมเจอร์ พบผู้ติดเชื้อ 44 ราย ปทุมธานี อ.ธัญบุรี จากโรงงานอะลูมิเนียม พบผู้ติดเชื้อ 19 ราย และ อ.ลาดหลุมแก้ว จากโรงงานผลิตภัณฑ์อาหาร พบผู้ติดเชื้อ 15 ราย ตาก อ.แม่สอด จากโรงงานเสื้อผ้า พบผู้ติดเชื้อ 61 ราย

โฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก พบยอดผู้ติดเชื้อรวม 184,923,557 ราย อาการรุนแรง 77,740 ราย รักษาหายแล้ว 169,292,139 ราย เสียชีวิต 4,000,520 ราย ส่วนอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 34,598,361 ราย 2. อินเดีย จำนวน 30,618,939 ราย 3. บราซิล จำนวน 18,792,511 ราย4. ฝรั่งเศส จำนวน 5,786,999 ราย 5. รัสเซีย จำนวน 5,635,294 ราย โดยประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 65 จำนวน 294,653 ราย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย