สำนักงานกกต. 5 ก.ค.-“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ให้ปากคำกกต.เอาผิด “สิระ” แจ้งข้อมูลเท็จสมัคร ส.ส. เคยต้องคำพิพากษาจำคุก โทษหนักจำคุก 1-2 ปี ตัดสิทธิ 10 ปี พร้อมเตรียมเอาผิดซ้ำกรอกข้อมูลเท็จขอเครื่องราชฯ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการสอบสวนของกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กรณีเคยยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับคุณสมบัติการยื่นเป็นผู้สมัครส.ส.ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐว่า เมื่อครั้งที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบความประพฤติของนายสิระ และได้ขอคำพิพากษาไปยังศาลแขวงปทุมวัน พบว่านายสิระถูกศาลพิพากษาจำคุกความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และยังพบความผิดคดีเช็คอีก 4 คดี ซึ่งรอลงอาญา รวมทั้งคดีทำร้ายร่างกายและคดีขับรถชนอีก 2 คดี
“ก่อนหน้านี้ได้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) ที่กำหนดห้ามบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุด ว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้สั่งให้นายสิระหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยนายสิระได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายสิระสู้ว่าคำพิพากษาที่ตนส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีหนังสือรับรองถึงที่สุด ทั้งที่คดีทุกคดีไม่ได้มีหนังสือรับรองถึงที่สุด นอกจากโจทย์หรือจำเลยจะขอศาลจึงจะออกให้ แต่หากไม่ขอศาลก็จะไม่ออกให้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวนายสิระรับสารภาพและศาลพิพากษาจำคุก ไม่มีอุทธรณ์เพราะนายสิระไม่ได้ต่อสู้คดี นอกจากนั้นนายสิระยังอ้างว่าได้ตกลงกับผู้เสียหายเจรจาชดใช้เงินจนผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์จากศาล แต่ไม่มีรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวประกอบคำพิพากษา มีเพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนที่นายสิระอ้างถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญตามมาตรา 98 (10) ว่าการกระทำผิดต้องเป็นปฏิปักษ์ต่อแผ่นดิน ซึ่งนายสิระอ้างว่าความผิดในคดีดังกล่าวเป็นความผิดยอมความได้ ไม่ใช่ความผิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อแผ่นดิน เขาก็อ้างว่าไม่ขาดคุณสมบัติ ทั้งที่เจตนารัฐธรรมนูญเรื่องคุณสมบัติ ส.ส.ต้องมีคุณสมบัติน่าเชื่อถือ และต้องมีคุณสมบัติไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อประโยชน์สาธารณะ แต่นายสิระกลับอ้างแค่เรื่องไม่ใช่ความผิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อแผ่นดิน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า นอกจากกรณีคุณสมบัติที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ในกรณีนายสิระสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นั้น ถือว่าเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ปกปิดข้อมูลที่ควรจะแจ้งให้ทราบ เพราะตัวเองขาดคุณสมบัติ แต่อ้างว่ามีคุณสมบัติครบ ถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จเพราะหากบอกว่าเคยถูกจำคุกก็คงไม่ได้เป็น ส.ส. ซึ่งก่อนหน้านี้ตนนำเรื่องนี้แจ้งต่อกกต.ในฐานะที่กกต.เป็นผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าว และวันนี้เป็นการให้ข้อมูลต่อกกต. และได้ให้ข้อมูลตามความเป็นจริงว่าได้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายสิระ และพบว่าเคยต้องโทษตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) และได้นำคำแก้ข้อกล่าวหาที่นายสิระยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญมาแจ้งให้ กกต.ทราบ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
“หากกกต.วินิจฉัยเสร็จจะต้องส่งศาลฎีกาเพื่อพิพากษา ต้องมีโทษจำคุก 1-2 ปี และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ดังนั้น หากนายสิระมีความผิดยังไงก็ไม่รอด และเมื่อครั้งนายสิระเป็นสปช. เมื่อปี 2557 ก็ไม่เคยแจ้งลักษณะต้องห้ามเหล่านี้ ทั้งเรื่องฉ้อโกง เรื่องถูกจำคุกคดีเช็ค 4-5 คดี ซึ่งตนได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ไว้แล้ว นอกจากนั้นยังมีกรณีที่นายสิระขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตอนเป็นส.ส. ซึ่งจะต้องแจ้งว่าไม่เคยต้องโทษจำคุก โดยผมได้ขอหนังสือไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่ยังไม่ได้ข้อมูล เพราะอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล.-สำนักข่าวไทย