อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้โควิดระบาดหนัก อาจต้องใส่แมสก์ในบ้าน

ทำเนียบฯ 3 ก.ค.- อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้สถานการณ์โควิด-19 เดือน ก.ค.ระบาดหนัก อาจต้องใส่แมสก์ในบ้าน วอนยึด 5 มาตรการผ่านวิกฤตินี้ ห่วงเตียงผู้ป่วยไม่พอ เร่งสร้างไอซียูเพิ่ม ระดมแพทย์จบใหม่ ยอมรับบุคลากรทางการแพทย์เหนื่อยล้า ขอรัฐบาลเอาความจริงมาพูด

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวถึงประเด็นสำคัญด้านการแพทย์และสาธารณสุข เรื่อง การจัดหาวัคซีนทางเลือก การจัดการเตียงสำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ กทม. โดยมี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม ร่วมกันแถลงข่าว


นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ว่า สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ประกอบกับการแพร่ระบาดระลอก 3 ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และพบกับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้เร็วขึ้นกว่าสายพันธุ์เดิมและสายพันธุ์อังกฤษ อีกทั้งตอนนี้พบการแพร่ระบาดในกลุ่มโรงงาน สถานประกอบการ แคมป์คนงาน และล่าสุดกลับมาในระบาดในชุมชนและครอบครัว อีกทั้งเริ่มพบประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจากพื้นที่สีแดงเข้มมากขึ้น ซึ่งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่พยายามดำเนินการจำกัดวง เพื่อให้ผู้เดินทางกลับไปได้รับการรักษาโดยเร็ว และไม่ไปแพร่เชื้อต่อ ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าน่าเป็นห่วง และต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วง 2 เดือนข้างหน้า แต่เชื่อว่าด้วยความตื่นตัวของประชาชนและหน่วยงาน น่าจะคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ และคงไม่ให้ตัวเลขสูงมากนัก พร้อมต้องจับตาคนที่มีโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุ ยอมรับสถานการณ์น่าเป็นห่วง ระบุมาตรการขณะนี้ คือ ลดการเคลื่อนย้าย ลดการเดินทาง ลดการรวมกลุ่ม ไม่นั่งกินอาหารในร้าน และป้องกันการติดเชื้อในครอบครัว ดังนั้นต้องป้องกันเรื่องการติดเชื้อในครอบครัว สวมหน้ากากอนามัย และเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ เพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิต

ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ป่วยมีจำนวนมากและเตียงผู้ป่วยเริ่มไม่เพียงพอ ว่า ทั่วประเทศสถานการณ์ยังพอรับได้ ในภาครัฐมี 7 หมื่นเตียง ทั่วประเทศ และมีการเสริมในเฉพาะพื้นที่ อย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ขยายเตียง 200-300% และพื้นที่ภาคใต้ที่พบการแพร่ระบาดก็ได้เตรียมเตียงเพิ่ม และหากไม่จำเป็นจะไม่ใช้มาตรการ Home Isolation และ Community Isolation แต่ตอนนี้บางพื้นที่ คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑลบางจังหวัด ที่สถานการณ์ค่อนข้างหนัก ขณะนี้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการเตรียมไอซียู ระดมแพทย์จบใหม่และทีมพยาบาลไอซียูต่างจังหวัดเข้ามาช่วย ซึ่งจากข้อมูลของ 1668 และ 1669 ยังพบว่ามีผู้ป่วยรอเตียงขณะนี้อยู่กว่าหลัก 1,000 คน ทั้งนี้ แนวคิด Home Isolation สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้กักตัวที่บ้านระหว่างรอแอดมิต ที่โรงพยาบาลจะมีวิธีการวัดไข้ วัดออกซิเจนในกระแสเลือด และส่งอาหารให้ 3 มื้อ เพื่อลดการแพร่เชื้อ ซึ่งวิธีการทำ Home Isolation ว่า ผู้ป่วยจะมีอาการแย่ลง จึงต้องมีการติดตามอาการและวิธีนี้ใช้ได้เฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถแยกห้องได้คนเดียว จึงได้คิดเรื่องของ Community Isolation หรือบ้านพักคอย


นพ.สมศักดิ์ ยังยอมรับว่าสถานการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างตึง ผู้ป่วยบางรายประสบอุบัติเหตุเข้าห้องไอซียู แต่เมื่อตรวจคัดกรอง พบว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงมีแนวคิดจะต้องแยกห้องไอซียูออกมาด้านนอก พร้อมย้ำว่าเรื่องเตียงเป็นปัจจัยเดียวของการรักษา แต่ปัจจัยการทำงาน 5 เรื่อง คือ นโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาล มาตรการที่เข้มข้น ประชาชนต้องร่วมมือ ระบบควบคุมโรคต้องดี ระบบรักษาพยายาลต้องเข้มข้น และฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ถ้า 5 เรื่องนี้ไปด้วยกันได้ดี การลดจำนวนผู้ป่วยลงไป การขยายเตียงการหาอุปกรณ์จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่บุคลากรที่อยู่หน้างาน ตอนนี้ตึงมากแล้วจริงๆ ขอความเห็นใจ และร่วมกันลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งตอนนี้เป็นที่น่าหนักใจ เพราะหมอและพยาบาลเริ่มอ่อนล้า ย้ำว่าทุกมาตรการต้องเริ่มกลับไปทบทวนตัวเอง รัฐบาล ว่าเข้มข้นพอหรือไม่ ประชาชนดูแลตัวเองดีพอหรือยัง เพราะตอนนี้การระบาดลงไปสู่ชุมชนและครอบครัว อาจจะถึงเวลาจริงๆ ที่ต้องใส่หน้ากากเวลาอยู่ในบ้าน และการเฝ้าระวังป้องกันโรคทำได้ดีพอหรือยัง การรักษาพยาบาลยอมรับค่อนข้างหนักใจ เพราะหมอและพยายาลเริ่มล้าหลายส่วนแล้ว แต่ถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็น่าจะไปได้ ส่วนวัคซีนต้องทบทวนนโยบายให้ชัดเจน ตอนนี้ไม่สามารถจะฉีดเข็มแรกให้กับคนทั้งประเทศได้ ก็ต้องมาทบทวน ป้องกันอาการหนัก กับกันตายก่อน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง ทั้งนี้ทุกคนแตกต่างได้ แต่ขอให้มาคุยกัน และใช้หลักการเอาความจริงมาพูด เอาความโปร่งใสเป็นหลัก เมื่อได้ข้อสรุป ขอให้เดินหน้าไปด้วยกัน ไม่โทษกัน รัฐบาลต้องฟังประชาชน ประชาชนต้องร่วมมือกับรัฐบาล และเราจะเดินหน้าไปได้ พร้อมขอฝาก 3 ส.ในการเตือนตัวเอง คือ ตั้งสติเดือนนี้หนักแน่ สื่อสารด้วยความจริง สามัคคีเดินหน้าไปด้วยกัน

ส่วนกรณีที่หลายโรงพยาบาลไม่รับตรวจโควิด-19 พร้อมเตียงไม่พอ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่แรกไม่ได้บอกว่าที่ไหนตรวจแล้วต้องรับผู้ป่วย เพียงแต่ให้ช่วยประสาน และตอนนี้ เมื่อมีมาตรการ Home Isolation และ Community Isolation ก็จะช่วยบรรเทาสถานการณ์เรื่องเตียงไม่พอได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว ซึ่งขณะนี้ทดลองใช้ที่โรงพยาบาลราชวิถีมาเกือบ 2 เดือนแล้ว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย