ห่วงแผนเปิดประเทศ รัฐต้องชัดเจน

กรุงเทพฯ 1 ก.ค.-เพื่อไทยจี้นายกฯ เร่งปล่อยกู้ 0% ธุรกิจท่องเที่ยว ห่วงแผนเปิดประเทศถ้าไม่แน่นอนจะยิ่งเสียหาย แนะ จัดหาวัคซีนคุณภาพเร่งกระจายให้ครบถ้วนโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว


นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการคณะทำงานเศรษฐกิจ และประธานอนุกรรมการนโยบายด้านการท่องเที่ยวพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นห่วงธุรกิจท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก เพราะขนาดปีที่แล้วว่าแย่หนักแล้ว แต่พอโควิดระบาดระลอกใหม่นี้ ทำให้การท่องเที่ยวยิ่งทรุดหนัก ตัวเลขสะสม 5 เดือนตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค.64 ในภาพรวมประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพียง 1.25 แสนล้านบาท ติดลบถึง – 35.07% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน แยกเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 34,753 คน ติดลบ 99.48% และไทยเที่ยวไทย 23.60 ล้านคน ติดลบ 7.82% ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวที่แย่อยู่แล้วยิ่งทรุดลงหนัก และยังไม่รู้เลยว่าจะฟื้นกลับมาได้อีกเมื่อไหร่ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่ากว่าการท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นน่าจะเป็นปี 2566 หรืออีกปีครึ่งเลย ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเข้ามาช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวไทยสามารถประคองต้วได้ไปก่อนที่การท่องเที่ยวไทยจะเข้าสู่ภาวะปกติ

นายจักรพล กล่าวว่า แนวทางการให้ซอฟท์โลน 0% แก่ภาคธุรกิจ ที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเสนอไว้ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และพล.อ.ประยุทธ์เพิ่งจะนำมาใช้ จึงเป็นทิศทางที่ถูกต้อง แต่ต้องมีแผนงานในการให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้เข้าถึงซอฟท์โลนนี้อย่างชัดเจนและทั่วถึง จากข้อมูลที่ได้รับสินเชื่อธุรกิจท่องเที่ยวในระบบธนาคารน่ามีประมาณ 4-5 แสนล้านบาท หนี้สินส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม ซึ่งน่าจะมีปัญหาการชำระหนี้เกือบทั้งหมด เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มาเลยจากวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด รัฐบาลต้องหาวิธีช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลสามารถร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในการปล่อยซอฟท์โลน 0% โดยรัฐบาลสนับสนุนในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเท่านั้นที่ ธปท. สามารถลดอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำให้กับรัฐบาลได้ โดยรัฐบาลควรจะลดการแจกเงินแต่นำเงินมาสนับสนุนการอยู่รอดของธุรกิจมากกว่า เพราะจะเป็นรายได้ของประเทศในอนาคต และเป็นการรักษาการจ้างงานด้วย


นายจักรพล กล่าวว่า ส่วนแผนงานเปิดประเทศใน 120 วันจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ ถ้าดูสภาวะการณ์ปัจจุบันแล้ว น่าจะเป็นไปได้ยากมากเพราะไม่ทันท่วงที ถ้าทำไม่ได้ต้องรีบแจ้งประชาชน โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว เพราะธรรมชาติของธุรกิจนี้จะต้องรับการจองล่วงหน้า ไม่ใช่เปิดแล้วคนจะมาทันที ต้องทำการตลาดล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ บางครั้งก็เป็นปี ดังนั้น การกำหนดการเปิดประเทศต้องมีความแน่นอน เพราะหากรับจองแล้ว ไม่สามารถเปิดได้จะเสียหายอย่างมากและอาจถูกฟ้องร้องได้ อีกทั้งถ้าเปิดประเทศโดยไม่ทำการตลาดล่วงหน้าก็จะไม่มีใครมาอยู่ดี

“พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นทหารมาตลอดชีวิตอาจจะไม่เข้าใจคนทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวนี้มีความละเอียดอ่อนมาก ยิ่งในอนาคตไทยต้องการต้อนรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ยิ่งต้องมีระดับการบริหารที่ต้องยกสูงขึ้นไปอีก เพื่อชักจูงนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเข้ามาเที่ยวไทย โดยคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้มีนโยบายและเตรียมความพร้อมไว้แล้ว เชื่อว่าหากพรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศ จะสามารถชักจูงให้นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ เพราะนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก 1 คนอาจจะสร้างรายได้มากกว่านักท่องเที่ยวปกติถึง 50-100 คนได้จากการใช้จ่ายและช้อปปิ้งตามฐานะ” นายจักรพล กล่าว

นายจักรพล กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่สุดยังคงไม่พ้นเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ที่พล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวซ้ำชาก ทั้งที่พรรคเพื่อไทยเสนอแนวทางแก้ไขมาเป็นเดือน ๆ แล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ยอมทำตาม และยังล้มเหลวเหมือนเดิม เหมือนบริหารไม่เป็นหรือฟังไม่เข้าใจ ทั้งไม่เปิดใจรับฟัง การที่ต้องมีวัคซีนที่มีคุณภาพมากระจายการฉีดอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในจังหวัดและพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำให้สำเร็จตั้งแต่ต้นปีแล้ว เพื่อจะได้เปิดประเทศรับการท่องเที่ยวได้ ถึงจะเป็นแบบแซนด์บ็อกซ์ ยังดีกว่าไม่มีนักท่องเที่ยวเลย จนกระทั่งฉีดได้ครบเมื่อไหร่ ก็สามารถเปิดทั้งประเทศได้ ปัจจุบันนอกจากวัคซีนจะล่าช้าแล้ว ยังมีปัญหาคุณภาพของวัคซีน จำนวนครั้งที่ต้องฉีดของวัคซีนแต่ละชนิด การตรวจภูมิของแต่ละคนอีกว่าขึ้นไหม และทั้งยังไม่แน่ใจว่าถึงฉีดครบ ก็ไม่รู้จะเปิดประเทศได้หรือไม่


“อยากให้พล.อ.ประยุทธ์คิดให้ครบกรอบ ไม่ใช่คอยแต่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ซึ่งจะยิ่งทำให้ประเทศมีปัญหามากขึ้น ในภาวะวิกฤติไวรัสโควิดนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถการบริหารจัดการของผู้นำ ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวในทุกด้านและทุกมิติ บริหารผิดพลาด พาประเทศไปผิดทิศผิดทางในทุกเรื่อง ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะใช้สติพิจารณาตัวเอง จะพบว่าตนเองไม่ได้เหมาะสมที่จะมาบริหารประเทศนี้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งบริหารก็จะยิ่งเสียหาย อย่าได้ฝืนดันทุรังอีกเลย ประชาชนจะยิ่งทนกันไม่ไหว ทุกวันนี้ก็ด่ากันทั้งเมืองอยู่แล้ว” นายจักรพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย