ทำเนียบรัฐบาล 30 มิ.ย.-ผอ.ศปก.ศบค.ชี้ตำรวจภาค 7 เปิดฝึกอบรม ทำคนรวมตัวจำนวนมาก ไม่เหมาะสม วอนร้านอาหารร่วมมือห้ามลูกค้านั่งทานในร้าน หากฝืนอาจต้องลงโทษตามมาตรการ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงกรณีตำรวจภูธรภาค 7 เปิดฝึกอบรมที่มีการรวมตัวของกำลังพลหลายร้อยคน ในขณะที่ยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจเกิดคลัสเตอร์ใหญ่เพิ่ม ว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่ามีปัจจัยการดำเนินการอย่างไร แต่ในสถานการณ์นี้ไม่ควรจะรวมตัวกันของคนจำนวนมาก แต่หากมีมาตรการ รับรองความจำเป็น เช่น การสอบก็ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะบางครั้งการรวมตัว อาจไม่ได้รวมอยู่ในพื้นที่เดียว อาจกระจายตัว จึงต้องดูรายละเอียดก่อน แต่หากเป็นการรวมตัวกันจริงก็ยังไม่เหมาะสม
ส่วนแนวทางอารยะขัดขืน ที่ผู้ประกอบการร้านอาหาร ประกาศเชิญชวนให้ร่วมกันเปิดร้านอาหารโดยไม่ต้องสนใจข้อกำหนดตามประกาศฉบับที่ 25 ของรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทราบแคมเปญดังกล่าวแล้ว ต้องขอวอนความร่วมมือ อย่าทำในลักษณะดังกล่าว แต่หากยืนยันจะเดินหน้าแคมเปญนี้ต่อ อาจต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย ทั้งที่จริงแล้วอยากใช้แนวทางทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือและเห็นใจก่อน เพราะหากยิ่งใช้มาตรการทางกฎหมายในทันที อาจทำให้เกิดความตึงเครียด
“ย้ำแนวทางพูดคุยขอความร่วมมือ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด เพราะจากการสอบสวนโรคพบการติดเชื้อจากการรวมกลุ่มรับประทานอาหาร รัฐบาลขอเวลา 15 วันที่จะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ทั้งนี้ มาตรการที่เกิดขึ้น เป็นข้อเสนอจากทีมแพทย์ที่มีความเป็นห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 สายพันธุ์เดลต้า สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารต่าง ๆ ที่ได้มายื่นข้อเสนอ ร้องขอมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐก่อนหน้านี้ไม่มีใครยื่นเงื่อนไข เรื่องอารยะขัดขืนมาต่อรอง และล่าสุดรัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาดูแลประชาชนทุกกลุ่มแล้วรวมถึง กลุ่มคนทำงานกลางคืน สถานบันเทิงต่าง ๆ ได้รับการเยียวยาในครั้งนี้ แต่อาจไม่ได้เป็นไปตามข้อเสนอที่ทางกลุ่มเรียกร้องมา” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ส่วนกรณีที่บางจังหวัดประกาศเชิญชวนผู้ที่มีชื่อในทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดนั้นกลับไปรักษากรณีติดเชื้อโควิค 19ได้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เป็นมาตรฐานของแต่ละจังหวัด เพื่อให้ผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่ได้รายงานตัวและเข้ารับการรักษาเท่านั้น เชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดกระแสแห่เดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะใครที่ยังมีอาชีพการงานใน กทม.ก็ยังทำหน้าที่กันต่อ อีกทั้งแนวทางการจัดหาเตียงเพิ่มเพื่อดูแลและรองรับผู้ติดเชื้อcovid 19 ขณะนี้กรุงเทพมหานครและกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันจัดหา hospitel และโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคมเป็นต้นไป สถานการณ์เรื่องเตียงรับผู้ป่วยไม่เพียงพอจะเริ่มดีขึ้น
“ศบค.ติดตามสถานการณ์แรงงานที่เดินทางกลับบ้านอย่างใกล้ชิด ดูจำนวนตัวเลขที่เดินทางกลับ ซึ่งหลังประกาศฉบับที่ 25 สั่งปิดแคมป์คนงานแล้ว และส่งฝ่ายความมั่นคงเข้าไปดูแล จนถึงวันนี้ถือว่าเรียบร้อยดี คาดว่าภายใน 1 เดือนที่สั่งปิด สถานการณ์โควิดจะดีขึ้น จะพยายามทำให้ดีที่สุด เนื่องจากปัจจุบันการแพร่ระบาดเป็นสายพันธุ์เดลต้าที่ระบาดรวดเร็ว” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ส่วนปัญหาพบวัคซีนโควิด 19 เป็นเจล พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงแล้วว่าพบก่อนการนำไปฉีดให้ประชาชน สาเหตุเกิดจาการจัดเก็บไม่ถูกวิธี ไม่ใช่เป็นทั้งล็อต แต่เป็นเพียงชุดที่กำลังจะฉีดเท่านั้น
พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงกรณีเรื่องการเปิดเมืองภูเก็ตต้องออกเป็นประกาศในราชกิจจานุเษกษา ว่า เพื่อเป็นการผ่อนคลายมาตรการเดิมที่ศบค.ประกาศเอาไว้ ดังนั้น เมื่อกฎหมายมีข้อกำหนดไว้ ก็ต้องออกประกาศลงในราชกิจจานุเษกษา.-สำนักข่าวไทย