กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.-นักวิชาการ จับตาเดินหน้าแก้ระบบเลือกต้ัง หลังร่างประชาธิปัตย์ผ่านเพียงร่างเดียว ชี้หากกลับไปใช้ตาม รธน.40 จริง หวั่นเกิดปัญหาซ้ำรอยจนมีรัฐประหารอีก
นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการและ อดีตที่ปรึกษา กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐสภารับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 1 ฉบับจาก 13 ฉบับว่า เดิมทีคาดการณ์ว่าจะมีการเกี๊ยะเซียะรับทั้ง 13 ร่างแล้วไปตีตกในวาระ3 เพราะมีการข่มกันไปมา ซึ่งระหว่างการอภิปราย ส.ว.ดูท่าไม่เห็นด้วยกับร่างของพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนพรรคเพื่อไทย(พท.) ก็มีบางอย่างไม่ลงกันกับพลังประชารัฐ(พปชร.) ส่วนพรรคก้าวไกลก็ไม่เห็นด้วยกับร่างไหนเลย เหมือนขัดกันในสภา แต่เชื่อว่าต่างคนต่างอยากแก้ระบบเลือกตั้ง แต่ในบรรดาร่างที่เสนอ จะปรับเหมือนปี2540 ซึ่งร่างของประชาธิปัตย์น่าจะเป็นร่างที่รับได้ที่สุดแล้ว ผ่อนปรนที่สุดจึงน่าจะเป็นเหตุให้ผ่านรัฐสภาวาระแรกมาได้
นายเจษฎ์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขของประชาธิปัตย์ เสนอแก้2 มาตรา แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเปลี่ยนระบบเลือกตั้งได้ทั้งหมดหรือไม่ เพราะยังมีเรื่องของวิธีคำนวณสัดส่วน และยังมีโอกาสปรับแต่งเป็นระบบสัดส่วนในวาระ2 ได้ เพราะส่วนตัวมีความเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่น่าจะอยากกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งเหมือนปี 2540 หรือ 2550 เพราะภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งมาโดยตลอด จึงไม่น่าจะอยากไปใช้ระบบดังกล่าว แต่ก็เชื่อว่าการแก้ไขจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไรซึ่งต้องรอดู
“คงไม่อาจจะถึงมีอะไรซ้อนเงื่อน แต่เขาน่าจะพยายามผลักดันให้ได้ระบบสัดส่วน คิดเอาเองนะแต่ก็ไม่รู้เขาอาจจะมั่นใจก็ได้ว่าอยากเอาระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญปี40ก็ได้ ซึ่งคงแก้ไปได้ แต่หากกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 40 จริง มันจะเกิดปัญหาเหมือนที่รัฐธรรมนูญปี40 ก่อปัญหา คือจะทำให้รัฐบาลเข้มแข็งจริงแต่จะไปกดทับฝ่ายอื่นหมดเลย และถ้านักการเมือง ส.ส. รวมถึงฝ่ายบริหาร ครม. นายกฯ ไม่มีมารยาทการเมืองที่สูง ไม่มีจริยธรรมที่ดีพอ และไม่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองที่มาก รับรองเป็นปัญหาแน่นอน มันจะกลับไปเป็นระบบเผด็จการรัฐสภา และจะก่อปัญหาอีกเยอะแยะ และกลับมาจุดเดิมคือรัฐประหาร” นายเจษฎ์ กล่าว
นายเจษฎ์ กล่าวอีกว่า หลังจากการแก้ไขผ่านไปแล้ว โฉมหน้าการเมืองอาจจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง และมองว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้อยู่ที่นักการเมือง ไม่ใช่ประชาชน..-สำนักข่าวไทย