กทม. 20 มิ.ย.-ก้าวไกล ไม่เห็นด้วยประธานสภาปัดตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.256 ฉบับเพื่อไทย พร้อมอภิปรายร่างแก้ไข รธน. เพิ่มเติมทั้ง 13 ฉบับ ในสัปดาห์หน้า
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรไม่บรรจุญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าแม้พรรคก้าวไกลจะไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาการแก้ไข มาตรา 256 แต่พรรคเห็นว่ารัฐสภามีอำนาจที่จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่พรรคเพื่อไทยยื่นเสนอมา
ในส่วนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้บรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ในระเบียบวาระการประชุมร่วมของรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันพุธที่ 23 มิถุนายน เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม หากพิจารณาคำวินิจฉัยขอศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า หากจะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องให้ประชาชนได้ลงประชามติเห็นชอบเสียก่อน แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องทำในขั้นตอนใด และไม่ได้บอกว่ารัฐสภาไม่สามารถพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้มี สสร.ได้ นอกจากนี้เห็นว่า การบรรจุหรือไม่บรรจุ วาระในครั้งนี้เป็นหลักการที่คล้ายคลึงกับเมื่อสมัยประชุมที่แล้ว ที่ประธานสภาได้บรรจุวาระการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 ในวาระที่ 3 หลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
“เป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่ประธานรัฐสภาด่วนตีความเสียเอง ว่าร่างดังกล่าวไม่สามารถบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมของรัฐสภาได้ ทั้งที่เป็นการเสนอญัตติที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากจะหาข้อยุติว่าต้องไปจัดทำประชามติก่อนจะพิจารณาวาระที่ 1 ได้ ก็ควรเป็นมติของที่ประชุมรัฐสภา ไม่ใช่ความเห็นของประธานรัฐสภาแต่เพียงผู้เดียว” นายพิจารณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกล ยังขอให้สมาชิกรัฐสภาช่วยกันผลักดัน และเร่งพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติผ่านวาระ 2 และ 3 ให้แล้วเสร็จ ในวันอังคารที่ 22 มิถุนายนนี้ โดยในรายละเอียดขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติถูกพิจารณามาถึง มาตราที่ 55 แล้ว เหลือเพียง 12 มาตรา จากทั้งหมด 67 มาตรา ที่ยังต้องพิจารณาและลงมติในวาระที่ 2 เท่านั้น ซึ่งเห็นว่าที่ประชุมสภาสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว และทันทีที่ พ.ร.บ.ประชามติประกาศใช้ พรรคก้าวไกลจะเสนอญัตติด่วนให้รัฐสภาพิจารณามีมติให้คณะรัฐมนตรีจัดทำประชามติถามประชาชน ว่าเห็นชอบหรือไม่ที่จะตั้ง สสร. เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งอยากรู้ว่า ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว. จะตีรวน เตะถ่วงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับนี้อีกครั้งหรือไม่
นายพิจารณ์ ยังระบุว่าในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมทั้ง 13 ฉบับ พรรคก้าวไกลได้รับการจัดสรรเวลาตามสัดส่วน 75 นาที เตรียมผู้อภิปรายไว้ 4-5 คน อยากให้ประชาชนเข้าใจถึงจุดยืนของพรรค ว่า สิ่งที่ควรแก้ไขกลับไม่ได้แก้ไข อย่างการยกเลิกมาตรา 272 ที่เป็นสิ่งไม่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด และไม่มีความจำเป็นที่ ส.ว.ทั้ง 250 คน จะมีอภิสิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีเทียบเท่ากับ ส.ส. ทั้ง 500 คน ที่เป็นตัวแทนของประชาชนบวกกับสิ่งที่ไม่ควรแก้กลับไปแก้ไขอย่าง มาตรา 144 และมาตรา 185 ซึ่งจะเป็นการเปิดช่อง นำไปสู่การแก้ระบบการเลือกตั้ง
“แสดงให้ประชาชนและสังคม เห็นว่า การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับพรรคพลังประชารัฐมิได้เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่กลับเป็นการปูทางเพื่อให้ พลเอกประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ในส่วนของระบบการเลือกตั้งที่ผ่านมามีความพยายามโจมตีพรรคก้าวไกลว่าเป็นผู้เสียประโยชน์จากการเสนอแก้ไขระบบการเลือกตั้ง จนออกมาตีโพยตีพาย พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า เรามุ่งหมายที่จะเป็นพรรคการเมืองของมวลชน เป็นสถาบันทางการเมือง เราจึงพร้อมกับทุกระบบการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น หากการเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม” นายพิจารณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย