นายกฯ เช็กเสียง ส.ว.ใครไม่เชื่อมั่น ยันอยู่ครบเทอม ยิ่งไล่ ยิ่งสู้

รัฐสภา 14 มิ.ย.- นายกฯ แจงออกเงินกู้ 5 แสนล้าน ต่อวุฒิสภา ย้ำไม่เคยมีทุจริต เช็กเสียง ส.ว. ใครไม่เชื่อมั่น ยันอยู่ครบเทอม ยิ่งไล่ ยิ่งสู้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมวุฒิสภา วันนี้ (14 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงการตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพ่อแก้ขัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท โดยย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการกู้เงิน เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ทั้งการเยียวยาประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการระบาดในระลอกที่ 3 โดยคาดว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้ 1.5-2.5 ส่วนงบประมาณสำหรับระบบสาธารณสุข คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไปแล้วกว่า 44,700 ล้านบาท ครอบคลุมค่าตอบแทนบุคลากรทางการพทย์, ค่าวัคซีน ,เงิน อสม. ,อุปกรณ์การแพทย์ และรถตรวจชีวนิรภัยเพิ่มเติม เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงแผนการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมาว่า ในปี 2564 รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถกระจายวัคซีนได้กว่า 100 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายในเดือนมีนาคม 2565 การกระจายวัคซีนสู่ประชาชน จะต้องคำนึงถึงจำนวนวัคซีนที่ประเทศไทยมี โดยจะต้องพิจารณาจากปัจจัยเบื้องต้นว่าทุกจังหวัดจะต้องได้รับวัคซีน จังหวัดใดจะมีการแพร่ระบาดมาก ก็ต้องกระจายวัคซีนให้มากขึ้น และสำรองไว้สำหรับการป้องกันการระบาดที่อาจมีขึ้น เช่น กลุ่มแรงงาน หรือบุคลากรครูที่จะมีการเปิดภาคการศึกษา แต่ปัญหาขณะนี้ คือ การจับจองวัคซีนของประชาชนมากกว่าจำนวนวัคซีนที่จ่ายให้แต่ละพื้นที่ และจำนวนวัคซีนทยอยแบ่งมาจากผู้ผลิต ดังนั้น การกระจายวัคซีนจะต้องมีการปรับแผน เพื่อไม่ให้การนัดฉีดวัคซีนของประชาชน มีจำนวนมากกว่าวัคซีนที่มี จึงต้องยืดระยะเวลาเพื่อให้สอดรับกับจำนวนวัคซีนที่มี


นายกรัฐมนตรียังยอมรับด้วยว่า ปัญหาการระบาดโควิด-19 มีปัญหาการเมืองเข้ามาแทรกทั้งหมด ทั้งการสร้างการรับรู้ และการบิดเบือน แต่ตนก็ให้ความเคารพทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และพยายามแก้ปัญหา จัดหาวัคซีนให้ได้ถึงปีหน้า พร้อมย้ำว่ามีการเจรจาจัดซื้อต่อเนื่อง ตามสัญญาหลัก แต่วัคซีนจะทยอยส่งมา และตระหนักว่าการฉีดวัคซีน จะต้องฉีดให้ทุกคน และทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และรัฐบาลจะรับผิดชอบทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีน และรัฐบาลฉีดให้ประชาชนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

“การบริหารฉีดวัคซีน ผมให้หน่วยงานบริหารจัดการเอง เช่นเดือนปัจจุบันได้วัคซีน 5 แสนโดส หน่วยงานต้องบริหารให้ได้ภายใน 1 เดือน หากเร่งฉีด 4 แสนโดส ภายในวันเดียวการฉีดก็ไม่ถึงเดือน ดังนั้นต้องยืดให้ยาวเพื่อรอวัคซีนล็อตใหม่เข้ามา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลไม่เคยมีการปิดกั้นการขึ้นทะเบียนวัคซีน แต่จะต้องเป็นบริษัทที่เป็นตัวแทนในประเทศไทย มาขึ้นทะเบียนต่อ อย. เพื่อขึ้นทะเบียน และการจัดซื้อ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชน ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์อยู่ระหว่างการต่อรองเงื่อนไขสัญญา จำนวน 20 ล้านโดส คาดว่าจะได้ในไตรมาส 3 เช่นเดียวกับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน จำนวน 5 ล้านโดส รวมถึงวัคซีนโมเดอร์นา , ซิโนฟาร์ม และสปุตนิก-วี โดยจะต้องมีบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนในประเทศไทย เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้แทงม้าตัวเดียวจัดซื้อวัคซีนเพียงชนิดเดียว แต่แทงทั้งวิน ทั้งเพรส


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการออกมาตรการเยียวยาประชาชนว่า เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และยืนยันว่าไม่เคยหาเสียงจากนโยบายคนละครึ่ง โดยส่งเงินตรงถึงมือประชาชน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลทำให้เงินถึงมือประชาชนโดยผ่ายโครงการต่างๆ ทาง E-Wallet ช่วยประชาชนเพื่อต่อลมหายใจกว่า 41 ล้านราย

นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ใช้จ่ายไปตามแผน เหลือสำรองค่าประปา ค่าไฟ ส่วนที่การจัดเก็บรายได้ของรัฐลดลง เพราะเกิดปัญหาโควิด ก็ต้องแก้ไขไปตามสถานการณ์ ย้ำว่า 5 แสนล้าน มีแผนการใช้จ่ายครบถ้วน ทั้งนี้ การใช้เงินกู้ด้านสาธารณสุข หากไม่พอก็พร้อมจัดสรรเพิ่มเติมให้ พร้อมยืนยันตลอด 7 ปีที่บริการงบประมาณมา ไม่มีเงินผ่านมือตนสักบาท ดังนั้นหากพบว่ามีโครงการทุจริตใดขอให้แจ้งมาพร้อมข้อมูล พร้อมที่จะตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการให้ใครทำผิด จากนโยบายที่ให้ไป ส่วนที่หลายคนมองว่ายึดอำนาจ รวบอำนาจเพราะมีกฎหมาย 30 ฉบับไว้เพื่อสั่งการเอง ขอยืนยันว่า ไม่อยากยึดอำนาจ แต่ต้องการปลดล็อกให้ทุกกระทรวงเพื่อจัดสรรปันส่วนวัคซีน

“รัฐบาลทำเงินให้ถึงมือประชาชน ไม่ผ่านมือคนอื่น ทั้งนี้มีคนไม่พอใจงบปี 2565 เพราะพอตัดลดงบลงไม่สามารถตั้งโครงการใหม่ ส่วนที่หลายคนบอกว่ารัฐบาลนี้แทคโนแครตนั้น หากไม่ให้ช้าราชการทำ หรือครอบงำราชการ ทุกคนก็ติดคุกหมด การสื่อสารต้องฟังรัฐบาล หากไม่ฟังจะไปกันใหญ่ มีปัญหาสร้างการรับรู้บิดเบือน ผมคิดถึงอนาคตตลอด ผมเลือกวัคซีนที่ดีที่สุดให้คนไทย ไม่ใช่จองไปเรื่อย หัวใจผมมีแต่ให้เขา บางครั้งก็ลืมคิดถึงตัวเองว่าปลอดภัยหรือเปล่า” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิดิศ อาชวคุณ ส.ว. ได้สอบถามเกี่ยวกับประเด็นการเปิดประเทศที่จังหวัดภูเก็ต โดยจะต้องอยู่ในภูเก็ต 14 วัน มีความเป็นไปได้จะไปจังหวัดอื่นหรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ทำแซนด์บ็อกซ์ที่ภูเก็ตก่อน โดยเร่งให้ฉีดวัคซีนให้ครบโดม 80% ก่อน และยังมีสมุย พีพี พะงัน อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ยังมีเวลา ตั้งใจเปิดเดือนกรกฎาคมเปิดสมุย 60% แล้ว ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์รัฐบาล ในแต่ละจังหวัดลงทะเบียนหลายหน่วยงาน ย้ำคนไทยได้ฉีดวัคซีนเดือนมิถุนายนแน่นอนแต่บางส่วนอาจจะขยับไป เดือนหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่า ประธานในที่ประชุมส่งข้อความเตือนให้มีการซักถามภายหลัง และพูดติดตลกว่า “ไล่ผมแล้วนี่ ในนี้ไม่มีพวก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายของการชี้แจง นายกรัฐมนตรี ได้ถาม ส.ว. ว่ามีใครไม่เชื่อมั่นตนไหม ขอให้ยกมือ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครยกมือ หลายคนหัวเราะออกมา นายกรัฐมนตรี จึงกล่าวว่า ก็ไม่มีอีก ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้วเคารพมาตลอด 5 ปี 7ปีไม่เคยบังคับท่าน ไม่เคยยุ่งกับท่าน เชื่อในวุฒิภาวะของท่าน ภายใต้พื้นฐานความเข้าใจซึ่งกันและกัน สิ่งสำคัญคือการแก้ไขปัญหาที่พะรุงพะมาโดยตลอด และยังยืนยันด้วยว่า จะอยู่ทำหน้าที่ครบเทอม

“ผมต้องทำตัวให้มีเกียรติ ผมตั้งเกียรติของตัวเองมาได้เพราะเกียรติเป็นสิ่งที่คนอื่นเขายกย่อง หากผมทำดีควรให้เกียรติ ถ้าไม่ดีก็ไม่ให้เกียรติ ฝากไว้ด้วยว่าถ้ามีการเลือกตั้งในอนาคต ผมยืนยันจะอยู่ไปจนครบนี่แหละ จะได้เลิกพูดกันสักที ครั้งหน้าก็เลือกกันให้ดีแล้วกัน ผมก็โดนไล่ทุกวัน ยิ่งไล่ผมยิ่งสู้โอเคไหม ใครจะสู้กับผม ไม่มีเลยหรือ ผมรู้ว่าท่านส่งใจให้ผมทุกคนอยู่แล้วขอบคุณครับ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย