กรุงเทพฯ 11 มิ.ย.-“กรณ์” เสนอแนวทาง “Vaccine Economy” กุญแจโอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศ ปรับระบบราชการให้ทันยุคโลกเปลี่ยน “ซีอีโอ แอร์เอเชีย” หวั่นภูเก็ตแซนด์บ๊อก แป้ก ถ้านโยบายหากรัฐไม่ชัดเจน
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าและนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ซีอีโอสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวในคลับเฮาส์แลกเปลี่ยนความเห็นมาตรการเปิดประเทศ ภายหลังจากที่ประชาชนทยอยรับวัคซีนโควิด-19 โดยทั้งสองมีความกังวลถึงนโยบายที่ยังไม่ชัดเจนของรัฐบาลที่อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้การเปิดเมืองโดยนำร่องที่ จ.ภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ไม่ราบรื่น
นายกรณ์ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเป็นหัวใจและโอกาสที่จะนำสู่การใช้ชีวิตปกติ เพื่อเศรษฐกิจจะได้กลับมาอย่างเร็วที่สุด จึงมีแรงกดดันเรื่องการจัดสรรวัคซีนให้เพียงพอกับประชาชนเพื่อสามารถเปิดประเทศได้ภายในสิ้นปี โดยใช้จ.ภูเก็ตเป็นตัวนำร่อง ซึ่งทางจังหวัดได้ณรงค์ฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เดือนเมษายนให้ครบ 70% และทันวันที่ 1 กรกฎาคม ตามข้อตกลงของรัฐบาล แต่มีการเปลี่ยนเงื่อนไขการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างประเทศจาก 7 วัน เป็น 14 วัน ซึ่งต้องเร่งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา
“ผู้ประกอบการร้านอาหาร ผับ บาร์ไม่แน่ใจว่าจะมีจำนวนเพียงพอจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาประสบปัญหาและปิดตัวไปหลายราย ซึ่งต้องเชื่อมโยงไปถึงเรื่องการปรับวงเงินสินเชื่อของพ.ร.บ.ธปท. ที่มีเงื่อนไขยุ่งยาก ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถเข้าถึงได้ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐจะต้องเข้าไปดูแลในแง่แหล่งทุน ไม่ใช่ปล่อยให้เขาดูแลตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อนำร่องที่ภูเก็ตไปแล้วจะไม่แป้ก” นายกรณ์ กล่าว
นายกรณ์ กล่าวว่า ส่วนการจะขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ คงต้องรออีกพักใหญ่ เพราะกว่าประชาชนจะรับวัคซีนครบ 70% ตามเงื่อนไขคงจะประมาณสิ้นปี ถึงต้นปี2565 ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างแน่นอน และต้องมาคิดกันว่าการเดินทางไปมาในประเทศ จะผ่อนปรนได้แค่ไหนว่าถ้าใครที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว สามารถเดินทางได้เป็นปกติ แม้จะไปจากพื้นที่สีแดงก็ตาม ขณะนี้สภาผ็แทนราษฎรอนุมัติพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทแล้ว รัฐบาลจึงต้องคิดให้ทะลุ เพราะสมการครั้งนี้ต่างจากคราวที่แล้ว ที่เน้นการปูพรมเยียวยาประชาชน แต่ครั้งนี้ต้องใช้อย่างมียุทธศาสตร์ โดยเฉพาะการอัดฉีดให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีสายป่านให้เดินต่อได้
“สิ่งที่ท้าทายอีกอย่างคือประชาชนที่ลังเลการฉีดวัคซีน ซึ่งอาจจะมีจำนวนมากกว่าผู้ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนแล้วด้วยซ้ำ ตรงนี้รัฐบาลต้องวางแผนว่าจะนำพากลุ่มคนเหล่านี้มาฉีดได้อย่างไรเพื่อให้พวกเขาคลายความกังวลและความกลัวกับการต้องฉีดวัคซีน ซึ่งในหลายประเทศก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน” นายกรณ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคกล้า เสนอแนวทาง “Vaccine Economy” โดยมองว่าเป็นโอกาสของคนไทยทุกคนที่จะปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว เพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป เช่น ควรปรับเปลี่ยนประเภทนักท่องเที่ยว ให้อยู่นานขึ้น ให้เขาสามารถ Work from Thailand ได้ โดยอำนวยความสะดวกการออกวีซ่าออนไลน์ เพื่อจูงใจให้เขามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำงาน และควรมีโอกาสสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ซีอีโอสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า แม้คนภูเก็ตจะพร้อม แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของการเปิดให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทั้งรายชื่อสายการบินโปโตคอลของผู้โดยสาร นักบินและลูกเรือว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ต้องกักตัว 14 วันหรือไม่ ถ้าต้องกักคงไม่มีใครอยากบินเข้ามา และเมื่อเขาเข้ามาเขาต้องมีอะไรบ้าง ใบตรวจ ใบฉีดวัคซีน และจะต้องมาเก็บตัวอย่างอีกหรือไม่ ถ้าต้องทำต้องไปที่ไหน ในส่วนของมาตรการเว้นระยะห่าง ผู้ประกอบการต้องทำอย่างไร
“รายละเอียดพวกนี้ต้องเตรียมการล่วงหน้า 60 วัน เพื่อการวางแผนขายตั๋วเพื่อให้ผู้โดยสารเต็มลำ จะส่งผลต่อการจองที่พัก อาหารและการบริการต่าง ๆ เพราะหากมาน้อย ผู้ประกอบการจะแบกต้นทุนมหาศาล ยิ่งเมื่อเปิดประเทศแล้วผู้โดยสารไม่มาเพิ่มจะทำอย่างไร เชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้ารัฐบาลจะมีมาตรการออกมา แต่อยากให้เป็นก้อนเป็นนโยบายที่ชัดเจน ไม่ปรับเปลี่ยนไปมาจนเกิดความสับสน และอยากให้ใช้ประสบการณ์ความล่าช้าในครั้งนี้เป็นแนวทางปรับปรุงเพื่อการวางแผนที่ดีขึ้นสำหรับการเปิดในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป” นายธรรศพลฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย